ทนายความ การล้มละลาย ที่ดีที่สุดใน ประเทศไทย

1. About การล้มละลาย Law in Thailand

การล้มละลายเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มุ่งจัดการหนี้สินของบุคคลหรือธุรกิจที่ไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ลูกหนี้ได้รับการแก้ไขหนี้สินอย่างเป็นระเบียบ และช่วยเหลือเจ้าหนี้ในการเรียกชำระตามกฎหมายที่มีระเบียบขั้นตอนอย่างชัดเจน

ในประเทศไทย กฎหมายล้มละลายครอบคลุมทั้งบุคคลธรรมดา บริษัท มหาชน และห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประสบภาวะหนี้สินล้นพ้น โดยมีสองแนวทางหลักคือ การล้มละลายบุคคลทั่วไปและการฟื้นฟูกิจการสำหรับบริษัท ทั้งนี้ กลไกสำคัญอยู่ที่ศาลล้มละลายกลางที่ดูแลขั้นตอนตั้งแต่การยื่นคำร้องจนถึงการชำระหนี้หรือการยกเลิกหนี้ตามกฎหมาย

แหล่งข้อมูลอ้างอิง: ศาลล้มละลายกลาง และ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (Krisdika) ให้รายละเอียดเกี่ยวกับบทบัญญัติและขั้นตอนการล้มละลาย

ศาลล้มละลายกลางเป็นผู้พิจารณาคดีล้มละลาย และเป็นหน่วยงานสำคัญในการดูแลกระบวนการฟื้นฟูกิจการในบางกรณี

แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม: courts.go.th, krisdika.go.th

2. Why You May Need a Lawyer

การล้มละลายเป็นพื้นที่ที่มีกระบวนการซับซ้อนและมีผลกระทบระยะยาวต่อทรัพย์สิน ดังนั้นจึงควรมีทนายความที่มีความรู้ด้านล้มละลายเพื่อช่วยคุณประเมินสถานการณ์และวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ

• กรณีถูกร้องล้มละลายโดยเจ้าหนี้ เช่น ผู้ค้าปลีกยื่นคำร้องล้มละลายต่อคุณที่ร้านค้า เพื่อเรียกชำระหนี้ในช่วงเวลาที่คุณมีหนี้สินคงค้าง
• กรณีต้องยื่นคำร้องล้มละลายเอง หากคุณเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่สามารถชำระหนี้ทั้งหมด การมีทนายช่วยยื่นคำร้องและจัดทำแผนชำระหนี้เป็นประโยชน์มาก
• กรณีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องการฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้บริษัทสามารถปรับโครงสร้างหนี้ ลดค่าใช้จ่าย และดำเนินธุรกิจต่อไปภายใต้กระบวนการบำบัดฟื้นฟูกิจการ
• กรณีต้องเจรจาเงื่อนไขกับเจ้าหนี้ เช่น ข้อเสนอแผนชำระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ หรือการลดดอกเบี้ย เพื่อหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องต่อศาล
• กรณีมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบจากการล้มละลาย เช่น สิทธิ์การถือครองทรัพย์สิน การทำสัญญากับผู้อื่น หรือการปิดกิจการ
• กรณีต้องตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและกระบวนการ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง หรือถูกมองว่าไม่โปร่งใส

3. Local Laws Overview

พระราชบัญญัติล้มละลาย เป็นกฎหมายหลักที่กำหนดกระบวนการล้มละลายสำหรับบุคคลและห้างหุ้นส่วนบางกรณี รวมถึงเงื่อนไขการยื่นคำร้องและการจัดการทรัพย์สิน

พระราชบัญญัติบำบัดฟื้นฟูกิจการ เป็นกรอบกฎหมายสำหรับการฟื้นฟูกิจการของบริษัท เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับโครงสร้างหนี้ ลดภาระค่าใช้จ่าย และกลับมาเข้าสู่กระบวนการดำเนินงานได้

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับหนี้สินและความสัมพันธ์ทางการค้า โดยมีส่วนที่นำไปประยุกต์ร่วมกับการดำเนินคดีล้มละลาย

ข้อมูลเวอร์ชันล่าสุดและบทบัญญัติต่างๆ สามารถตรวจสอบได้ที่แหล่งทางการ เช่น

• สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (Krisdika) - พระราชบัญญัติล้มละลาย
• ศาลล้มละลายกลาง - ข้อมูลขั้นตอนและแบบฟอร์ม
• กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) - คู่มือฟื้นฟูกิจการและการระบุกลุ่มธุรกิจ

แนวโน้มล่าสุด มีการปรับปรุงขั้นตอนเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูกิจการและลดขั้นตอนที่ซับซ้อน เพื่อให้ SMEs มีโอกาสกลับมาดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น

4. Frequently Asked Questions

What is bankruptcy in Thailand and who can file?

Bankruptcy in Thailand refers to a formal court process to handle debt when debtors cannot pay. Both individuals and certain types of businesses can file or be subject to filing under the Bankruptcy Act.

How do I start bankruptcy proceedings in Thailand?

The process begins with filing a petition at the Central Bankruptcy Court or relevant court, accompanied by financial documents and an explanation of assets and debts.

When can a court declare me bankrupt?

A court may declare bankruptcy after evaluating the debtor’s inability to meet debts and following due notification to creditors and a proper hearing.

Where should I file for bankruptcy in Thailand?

Filings are typically made at the Central Bankruptcy Court (ศาลล้มละลายกลาง) or the competent provincial court depending on circumstances.

Why should I hire a lawyer for bankruptcy?

A lawyer helps prepare required documents, negotiates with creditors, protects assets, and guides you through court procedures to reduce risks of errors.

Can I file for bankruptcy without a lawyer?

You may attempt, but complex filings and court expectations make legal counsel highly advisable to avoid procedural mistakes.

Do I qualify for debt relief or rehabilitation?

Qualification depends on the nature of debt, the debtor’s assets, and whether rehabilitation is feasible under the applicable acts.

Is there a difference between bankruptcy and corporate rehabilitation?

Yes. Bankruptcy typically involves liquidation of assets, while corporate rehabilitation focuses on restructuring debts to preserve the business.

How much does it cost to pursue bankruptcy?

Costs include court fees, attorney fees, and potential expert fees; exact amounts vary by case and court jurisdiction.

How long does the bankruptcy or rehabilitation process take?

Individual bankruptcy commonly spans several months to over a year; corporate rehabilitation may extend longer depending on complexity.

Can foreigners or non-residents file for bankruptcy in Thailand?

Non-residents may face additional considerations; consultation with a Thai insolvency lawyer is recommended for non-resident cases.

What is the typical timeline from filing to resolution?

Timeline depends on case complexity, court calendar, creditor committees, and whether rehabilitation plans succeed or liquidation occurs.

5. Additional Resources

These official resources provide authoritative guidance, forms, and statutory texts related to การล้มละลาย in Thailand.

• สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (Krisdika) - ปรับปรุงและเผยแพร่พระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเวอร์ชันล่าสุดของบทบัญญัติ
• ศาลล้มละลายกลาง - คู่มือการยื่นคำร้อง คำสั่งศาล และแบบฟอร์มที่ใช้ในกระบวนการล้มละลาย
• กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) - คู่มือฟื้นฟูกิจการ การจดทะเบียนบริษัท และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูธุรกิจ

แหล่งอ้างอิงเชื่อมโยง:

1. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - krisdika.go.th
2. ศาลล้มละลายกลาง - courts.go.th
3. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า - dbd.go.th

6. Next Steps

1. Identify your insolvency needs by gathering financial documents such as debts, assets, income, and creditor names. Set a clear goal whether liquidation or rehabilitation is preferred.
2. Research lawyers who specialize in insolvency and bankruptcy, focusing on Thai practice and recent case outcomes similar to yours.
3. Schedule a consultation to discuss your situation, expected timelines, and costs. Prepare a list of questions in advance.
4. Request a written retainer and engagement letter outlining scope, fees, and responsibilities. Confirm who handles court filings and negotiations.
5. Submit necessary documents to your attorney and prepare a basic timeline with court deadlines and creditor communications.
6. Let your lawyer communicate with creditors and the court on your behalf. Avoid signing documents without legal review.
7. Follow up regularly on case progress and adjust strategies if new information emerges or if the court schedules hearings.