SME ใกล้ล้มละลาย ฟื้นฟูกิจการอย่างไรใน Thailand ดี

อัปเดตเมื่อ Dec 11, 2025

ฟื้นฟูกิจการ SME ในไทย: ทางเลือกก่อนยื่นล้มละลาย

  • การ "ปรับโครงสร้างหนี้" เป็นการเจรจาตกลงใหม่กับเจ้าหนี้เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อได้ ส่วน "ล้มละลาย" คือการชำระบัญชีทรัพย์สินเมื่อธุรกิจไปต่อไม่ได้แล้ว
  • SME ควรเริ่มพูดคุยกับเจ้าหนี้และวางแผนฟื้นฟูทันทีที่เห็นสัญญาณสภาพคล่องตึงตัว อย่ารอให้ถูกฟ้องล้มละลายก่อน
  • การเตรียมเอกสารการเงินและสัญญาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบจะช่วยให้ทนายความและที่ปรึกษาฟื้นฟูประเมินทางเลือกและเจรจาได้มีน้ำหนัก
  • ศาลล้มละลายกลางและผู้ทำแผนฟื้นฟูมีบทบาทสำคัญ หากเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามกฎหมาย แต่ SME ส่วนมากควรเริ่มจากการฟื้นฟูแบบ "นอกศาล" ก่อน
  • ยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและรักษาการดำเนินธุรกิจได้ หากวางแผนกระแสเงินสด ปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย และเจรจาเงื่อนไขหนี้อย่างรอบคอบ

จุดประสงค์ของบทความนี้คือช่วยเจ้าของกิจการและผู้บริหาร SME เข้าใจทางเลือก "ฟื้นฟูกิจการ" ก่อนต้องเผชิญกระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการ โดยเน้นทั้งมุมมองกฎหมายและมุมการเงินที่ลงมือทำได้จริง เหมาะกับผู้ประกอบการที่เริ่มมีปัญหาสภาพคล่องจนกังวลว่าธุรกิจอาจไปต่อไม่ได้หรือถูกเจ้าหนี้ฟ้องบังคับคดี

ความแตกต่างระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้กับการล้มละลายตามกฎหมายไทยคืออะไร?

โดยสรุป การปรับโครงสร้างหนี้เป็นกระบวนการ "ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอด" ผ่านการเจรจาและปรับเงื่อนไขหนี้ ส่วนการล้มละลายเป็นกระบวนการ "ปิดบัญชี" เมื่อศาลเห็นว่าลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้จริง ฟื้นฟูไม่ได้ และต้องนำทรัพย์สินมาขายชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ตามลำดับกฎหมายกำหนด

สำหรับ SME ในไทย กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องคือ พระราชบัญญัติล้มละลาย ซึ่งมีทั้งบทบัญญัติเกี่ยวกับ "การล้มละลาย" และ "การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้" การปรับโครงสร้างหนี้อาจทำได้ 2 ทางหลักคือ

  • ปรับโครงสร้างหนี้แบบนอกศาล ผ่านการเจรจากับธนาคารหรือเจ้าหนี้รายอื่น โดยยังไม่เข้าสู่ศาลล้มละลาย
  • ฟื้นฟูกิจการภายใต้ศาลล้มละลายกลาง เมื่อยื่นคำร้องและศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นทางการ
ประเด็น ปรับโครงสร้างหนี้ / ฟื้นฟูกิจการ ล้มละลาย
เป้าหมาย ให้ธุรกิจดำเนินต่อได้ ลด/ยืด/ปรับหนี้ให้สอดคล้องความสามารถ รวบรวมทรัพย์สินมาขายชำระหนี้ ปิดกระบวนการหนี้สิน
สถานะกิจการ ยังดำเนินธุรกิจต่อ ปรับแผนธุรกิจและกระแสเงินสด โดยมากสิ้นสุดการดำเนินธุรกิจ หรือโอนทรัพย์สินให้ผู้อื่น
การมีส่วนร่วมของศาล อาจไม่มีศาล (นอกศาล) หรือมีศาลล้มละลายกลางกำกับในคดีฟื้นฟูกิจการ มีศาลล้มละลายกลางและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการ
ผลต่อเจ้าของ/กรรมการ ยังคงบริหารได้ (อาจมีผู้ทำแผนร่วมควบคุมในคดีฟื้นฟู) อาจถูกจำกัดสิทธิ เช่น การเป็นกรรมการบริษัท การทำธุรกรรมบางประเภท
ผลต่อเครดิตในระบบการเงิน กระทบแต่ยังดีกว่าถูกพิพากษาล้มละลายหากจัดการโปร่งใสและทำตามแผน เสียเครดิตรุนแรง ยากต่อการกู้ยืมหรือทำธุรกิจในอนาคต

ในทางปฏิบัติ เป้าหมายของ SME ส่วนใหญ่คือ "หลีกเลี่ยงการล้มละลาย" และใช้การฟื้นฟูกิจการเป็นสะพานเชื่อมให้ปรับตัวทัน เพื่อลดภาระหนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสเงินสดติดขัดจากปัจจัยภายนอก เช่น ภาวะเศรษฐกิจหรือโควิดที่ผ่านมา

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • ถ้าธุรกิจขาดทุนต่อเนื่องหลายปี ยังมีสิทธิยื่นฟื้นฟูได้หรือไม่?
  • การถูกฟ้องบังคับคดีหรืออายัดบัญชี มีผลอย่างไรต่อทางเลือกฟื้นฟู?
  • ควรเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ก่อน หรือยื่นฟื้นฟูกิจการต่อศาลเลยดีกว่า?

กระบวนการเจรจาหนี้กับเจ้าหนี้และข้อเสนอแผนฟื้นฟูกิจการทำอย่างไร?

การเจรจาหนี้ที่มีประสิทธิภาพต้องเริ่มจากการรู้ "ตัวเลขจริง" ของธุรกิจและเตรียมข้อเสนอที่เป็นไปได้ ไม่ใช่ขอผัดผ่อนลอย ๆ SME ควรจัดทำแผนฟื้นฟูเบื้องต้น แสดงกระแสเงินสด แผนลดค่าใช้จ่าย และขอปรับโครงสร้างหนี้อย่างมีเหตุผล เพื่อให้เจ้าหนี้เชื่อว่ายอมยืดหนี้แล้วจะได้เงินคืนมากกว่าปล่อยให้คดีบานปลาย

1) เตรียมข้อมูลธุรกิจและสถานะหนี้

ก่อนเจรจา ต้องรู้ชัดว่าธุรกิจอยู่ตรงไหน ขาดทุนเพราะอะไร และมีหนี้อะไรบ้าง การเตรียมข้อมูลชัดเจนจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในการคุยกับเจ้าหนี้ และทำให้ทนายความหรือที่ปรึกษาช่วยออกแบบโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น

  • สรุปรายการหนี้ทั้งหมด: เจ้าหนี้แต่ละราย ยอดคงค้าง ดอกเบี้ย เงื่อนไขผิดนัด
  • งบการเงิน 2-3 ปีย้อนหลัง (ถ้ามี) พร้อมงบกระแสเงินสดปัจจุบัน
  • รายการทรัพย์สินที่มี (อาคาร ที่ดิน เครื่องจักร รถยนต์ สินค้าคงคลัง ลูกหนี้การค้า)
  • อธิบายสาเหตุปัญหาสภาพคล่อง เช่น รายได้หาย ลูกค้าหลักหาย ต้นทุนเพิ่ม

2) รูปแบบข้อเสนอปรับโครงสร้างหนี้ที่ SME ใช้ได้บ่อย

ข้อเสนอที่ดีต้องตั้งอยู่บนความสามารถในการชำระหนี้จริงของธุรกิจ และสร้าง win-win ระหว่างลูกหนี้-เจ้าหนี้ ไม่ใช่แค่ "ขอลดให้เยอะที่สุด" โดยไม่แสดงแผนว่าธุรกิจจะกลับมามีกำไรได้อย่างไร

  • ยืดระยะเวลาผ่อนชำระ ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง เหมาะกับธุรกิจที่ยังมีรายได้สม่ำเสมอแต่ไม่พอจ่ายค่างวดเดิม
  • พักเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ยชั่วคราว ระหว่างรอรายได้กลับมา เช่น ระยะเวลา 6-12 เดือน
  • ลดดอกเบี้ยหรือยกดอกเบี้ยค้างบางส่วน เพื่อให้ยอดรวมที่ต้องจ่ายในอนาคตอยู่ในระดับที่เป็นไปได้
  • แปลงหนี้เป็นทุน (Debt-to-Equity) ในบางกรณีที่เจ้าหนี้ยอมเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจแลกกับการลดหนี้
  • ปรับโครงสร้างหลักประกัน เช่น ขายทรัพย์สินบางส่วนไปปิดหนี้ แล้วเปลี่ยนมาใช้ทรัพย์อื่นเป็นหลักประกันแทน

3) ขั้นตอนการเจรจากับเจ้าหนี้แบบเป็นระบบ

การเจรจาหนี้ที่มีโอกาสสำเร็จสูง มักใช้กระบวนการที่ชัดเจนและมีตัวแทน (เช่น ทนายความหรือที่ปรึกษาฟื้นฟู) ช่วยสื่อสารอย่างมืออาชีพ ลดอารมณ์และความตึงเครียดระหว่างคู่กรณี

  1. ประชุมภายในเพื่อกำหนด "ข้อเสนอขั้นต่ำ-สูงสุด" ที่ธุรกิจรับได้
  2. ให้ทนายความหรือกรรมการผู้มีอำนาจส่งหนังสือแสดงเจตนาปรับโครงสร้างหนี้
  3. ส่งข้อมูลการเงินและแผนฟื้นฟูเบื้องต้นให้เจ้าหนี้พิจารณาก่อนนัดคุย
  4. เข้าประชุมเจรจา อาจต้องคุยหลายรอบ ปรับรายละเอียดตาม Feedback ของเจ้าหนี้
  5. เมื่อได้ข้อยุติ ทำเป็นข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร หรือทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • ควรให้ทนายความเข้าร่วมทุกการประชุมเจรจาหรือไม่?
  • ถ้ามีเจ้าหนี้หลายรายที่เห็นไม่ตรงกัน จะจัดการอย่างไร?
  • ต้องกลัวไหมว่าการเปิดข้อมูลการเงินทั้งหมดให้เจ้าหนี้จะย้อนมาทำร้ายเรา?

เอกสารการเงินและกฎหมายที่ต้องเตรียมสำหรับทนายความและการฟื้นฟูกิจการ

ยิ่งเตรียมเอกสารครบตั้งแต่ต้น ทนายความและที่ปรึกษายิ่งสามารถวิเคราะห์ทางเลือก ฟื้นฟู และเจรจาได้เร็วและแม่นยำขึ้น เอกสารสำคัญไม่ได้มีแค่งบการเงิน แต่รวมถึงสัญญากู้ หลักประกัน และเอกสารสิทธิในทรัพย์สินต่าง ๆ ด้วย

1) เอกสารการเงินหลักที่ควรมี

สำหรับ SME หลายราย งบการเงินอาจไม่ได้ถูกจัดทำอย่างสม่ำเสมอ แต่ในการฟื้นฟูกิจการ ควรพยายามรวบรวมข้อมูลเท่าที่ทำได้ เพื่อใช้สร้างภาพรวมสถานะการเงินที่ชัดเจน

  • งบการเงินตรวจสอบหรืออย่างน้อยงบภายใน 2-3 ปีล่าสุด
  • สรุปรายรับ-รายจ่ายรายเดือนย้อนหลัง 6-12 เดือน
  • รายการหนี้สินทั้งหมด: แบ่งตามเจ้าหนี้ ประเภทหนี้ (เงินกู้, บัตรเครดิต, เจ้าหนี้การค้า)
  • รายการลูกหนี้การค้า: ใครค้างชำระเราอยู่เท่าไร และจ่ายช้าแค่ไหน
  • รายการทรัพย์สิน: พร้อมมูลค่าประเมินโดยประมาณ เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร รถ และสต๊อกสินค้า

2) เอกสารกฎหมายและสัญญาที่เกี่ยวข้อง

นอกจากตัวเลข ทนายความจำเป็นต้องเห็นข้อผูกพันตามกฎหมายที่ธุรกิจมีอยู่ เพื่อประเมินความเสี่ยงในแต่ละสัญญา และดูว่าสัญญาใดควรเจรจาแก้ไขก่อน

  • หนังสือสัญญากู้ยืม เงินกู้ ธนาคาร และสถาบันการเงินอื่น ๆ ทั้งฉบับ
  • สัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าทรัพย์ สัญญาจำนอง/จำนำ/หลักประกันธุรกิจ
  • เอกสารที่เกี่ยวข้องกับคำฟ้อง คำพิพากษา หนังสือทวงถาม หรือคำบังคับคดี (ถ้ามี)
  • หนังสือรับรองนิติบุคคล รายชื่อผู้ถือหุ้น หนังสือบริคณห์สนธิ ข้อบังคับบริษัท
  • สัญญาสำคัญกับคู่ค้าหลัก เช่น สัญญาซัพพลายเออร์ สัญญาตัวแทนจำหน่าย

3) Checklist สั้น ๆ ก่อนพบทนายความฟื้นฟูกิจการ

การเตรียมตัวที่ดีช่วยประหยัดเวลาค่าที่ปรึกษา และทำให้การให้คำแนะนำมีคุณภาพมากขึ้น ลองใช้ Checklist นี้เป็นแนวทางเบื้องต้นได้

  • รวบรวม Statement ธนาคารทุกบัญชี 6-12 เดือนล่าสุด
  • จัดทำรายชื่อเจ้าหนี้ทั้งหมด พร้อมเบอร์ติดต่อและยอดหนี้
  • เตรียมสำเนาสัญญากู้/เอกสารหลักประกันทั้งหมดที่มี
  • สรุปปัญหาหลักของธุรกิจเป็นข้อ ๆ (เช่น ยอดขายตก, คู่ค้าหลักเลิกสั่ง, ต้นทุนพุ่ง)
  • เตรียมคำถามที่กังวล เช่น ความเสี่ยงส่วนตัวของกรรมการ บ้านหรือทรัพย์สินส่วนตัวจะถูกยึดไหม

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • ถ้าไม่มีงบการเงินตรวจสอบเลย ทนายความยังช่วยได้หรือไม่?
  • จำเป็นต้องเปิดเผยทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดให้ทนายความรู้หรือไม่?
  • เอกสารใดที่มัก "หาย" หรือหาไม่เจอ แล้วส่งผลเสียต่อการฟื้นฟูมากที่สุด?

บทบาทของศาลและผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ (Restructuring Advisor) ในไทย

เมื่อการฟื้นฟูกิจการเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ศาลล้มละลายกลางจะเป็นผู้พิจารณาว่าธุรกิจมีศักยภาพในการฟื้นฟูหรือไม่ และแต่งตั้งผู้ทำแผนหรือผู้บริหารแผนมาดำเนินการแทนหรือร่วมกับผู้บริหารเดิม ในขณะที่ที่ปรึกษาฟื้นฟูเอกชนมักเข้ามาช่วยตั้งแต่ก่อนถึงศาล เพื่อออกแบบกลยุทธ์และแผนการเงิน

1) บทบาทของศาลล้มละลายกลางในคดีฟื้นฟูกิจการ

หากเจรจานอกศาลไม่สำเร็จ หรือหนี้มีขนาดใหญ่และเจ้าหนี้หลายราย การยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ศาลจะใช้ดุลยพินิจว่าธุรกิจยังมีโอกาสฟื้นหรือไม่ ก่อนมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ

  • รับคำร้องฟื้นฟูกิจการจากลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ที่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย
  • พิจารณาว่าลูกหนี้อยู่ในภาวะไม่สามารถชำระหนี้ได้ แต่ยังมีโอกาสฟื้นฟู
  • หากเห็นสมควร มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ และแต่งตั้งผู้ทำแผน
  • พิจารณาและรับรองแผนฟื้นฟูกิจการที่เจ้าหนี้ลงมติอนุมัติ

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลล้มละลายสามารถดูได้จากเว็บไซต์ของ ศาลยุติธรรม หรือ ศาลล้มละลายกลาง ซึ่งมักมีคู่มือประชาชนและแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับคดีล้มละลายและฟื้นฟูกิจการให้ศึกษาเบื้องต้นได้

2) ผู้ทำแผนและผู้บริหารแผน (Plan Preparer / Plan Administrator)

เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ศาลจะตั้ง "ผู้ทำแผน" ขึ้นมาจัดทำรายละเอียดแผนฟื้นฟู และเมื่อแผนได้รับอนุมัติ อาจแต่งตั้ง "ผู้บริหารแผน" มาบริหารธุรกิจตามแผนที่วางไว้ ซึ่งอาจเป็นบุคคลเดียวกันหรือคนละชุดก็ได้

  • รวบรวมข้อมูลทรัพย์สิน หนี้สิน และศักยภาพการทำกำไรของกิจการ
  • ออกแบบแผนปรับโครงสร้างหนี้ เช่น การยืดหนี้ ลดหนี้ หรือขายทรัพย์สินบางส่วน
  • วางแผนธุรกิจใหม่ (Business Turnaround) เช่น ปรับโมเดลธุรกิจ ลดสาขา ตัดธุรกิจขาดทุน
  • รายงานความคืบหน้าแผนให้เจ้าหนี้และศาลทราบตามระยะเวลา

3) ที่ปรึกษาฟื้นฟูกิจการเอกชน (Restructuring Advisor)

ในทางปฏิบัติ SME หลายรายจะเริ่มทำงานกับที่ปรึกษาฟื้นฟูกิจการเอกชนหรือทีมทนายความก่อนยื่นเรื่องต่อศาล โดยที่ปรึกษาจะช่วย "เตรียมตัว" ให้ธุรกิจทั้งในแง่ข้อมูลและกลยุทธ์ เพื่อให้การเข้าสู่ศาล (ถ้าจำเป็น) มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น

  • ประเมินสถานะธุรกิจและวิเคราะห์ว่าควรเลือกฟื้นฟูแบบใด (นอกศาลหรือในศาล)
  • ช่วยออกแบบข้อเสนอเจรจาหนี้กับเจ้าหนี้รายสำคัญ
  • จัดทำร่างแผนฟื้นฟูเบื้องต้น และจำลองกระแสเงินสดในอนาคต
  • ให้คำแนะนำด้านกฎหมายควบคู่ด้านการเงิน เพื่อปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้นและกรรมการ

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • SME ขนาดเล็กจำเป็นต้องเข้าสู่ศาลล้มละลายกลางไหม หรือพอเจรจานอกศาล?
  • ผู้ทำแผนจะเข้ามาแทนที่กรรมการเดิมทั้งหมดหรือไม่?
  • เจ้าของกิจการยังมีสิทธิร่วมตัดสินใจเชิงกลยุทธ์หลังเข้าสู่แผนฟื้นฟูหรือไม่?

คำแนะนำปฏิบัติสำหรับการประหยัดค่าใช้จ่ายและรักษาการดำเนินธุรกิจระหว่างฟื้นฟู

ช่วงฟื้นฟูกิจการเป็นช่วงเปราะบาง ธุรกิจต้องเดินต่อให้ได้โดยใช้เงินสดอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันต้องรักษาลูกค้าและทีมงานหลักเอาไว้ คำแนะนำเชิงปฏิบัติบางส่วนสามารถเริ่มทำได้ทันที แม้จะยังไม่ได้ยื่นคำร้องหรือเริ่มเจรจากับเจ้าหนี้อย่างเป็นทางการ

1) จัดการกระแสเงินสดแบบ "Cash is King"

ในภาวะฟื้นฟู เป้าหมายไม่ใช่ "กำไรบัญชี" แต่คือ "กระแสเงินสดจริง" ที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอด การทำ Cash Flow รายสัปดาห์หรือรายเดือนอย่างเข้มข้นจึงสำคัญกว่าปกติ

  • จัดลำดับความสำคัญของการจ่ายเงิน: เงินเดือนทีมหลัก, ค่าเช่า/ค่าสาธารณูปโภค, วัตถุดิบสำคัญ
  • เลื่อนหรือขอผัดผ่อนค่าใช้จ่ายที่เจรจาได้ เช่น ค่าเช่าพื้นที่บางส่วน, ค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น
  • เร่งเก็บเงินจากลูกหนี้การค้า เสนอส่วนลดเล็กน้อยเพื่อแลกกับการชำระเร็ว
  • หยุดการลงทุนใหม่ที่ไม่จำเป็น จนกว่าธุรกิจจะผ่านจุดวิกฤติ

2) ปรับโครงสร้างต้นทุนและโมเดลธุรกิจ

หลายกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูสำเร็จ มักไม่ใช่เพราะ "รอดหนี้" อย่างเดียว แต่เพราะใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างธุรกิจให้เหมาะกับตลาดปัจจุบันมากขึ้น

  • ทบทวนสินค้าหรือบริการที่ขาดทุนและพิจารณายุติ หรือลดความสำคัญลง
  • ต่อรองเงื่อนไขกับซัพพลายเออร์รายหลัก เช่น ปรับปริมาณขั้นต่ำ ยืดเครดิตเทอม
  • พิจารณาใช้ Outsource หรือฟรีแลนซ์ในงานที่ไม่ใช่ Core Business
  • สำรวจช่องทางรายได้ใหม่ เช่น ออนไลน์ หรือคู่ค้ารายใหม่ เพื่อลดการพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่รายเดียว

3) ควบคุมค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและที่ปรึกษา

ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายและที่ปรึกษาเป็นสิ่งจำเป็นแต่ควรบริหารอย่างมีแผน SME สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ หากเตรียมข้อมูลเองให้มาก และตกลงขอบเขตงานกับทนายความให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น

  • เตรียมเอกสารและข้อมูลให้ครบ เพื่อลดเวลาที่ทนายต้องมานั่งตามข้อมูลย้อนหลัง
  • สอบถามรูปแบบคิดค่าบริการให้ชัดเจน เช่น คิดเป็นรายชั่วโมง รายโครงการ หรือแบบเหมาจ่าย
  • แบ่งงานเป็นเฟส เช่น เฟสประเมินสถานะและแผนเบื้องต้น, เฟสเจรจานอกศาล, เฟสดำเนินคดี (ถ้าจำเป็น)
  • เลือกทีมที่มีประสบการณ์ด้านฟื้นฟูกิจการ SME โดยเฉพาะ ไม่ใช่เฉพาะทนายคดีแพ่งทั่วไป

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • ควรเปิดเผยสถานะการฟื้นฟูต่อพนักงานและคู่ค้าแค่ไหน?
  • จำเป็นไหมต้องลดคน หรือมีทางเลือกอื่นในการลดต้นทุน?
  • จะรู้ได้อย่างไรว่าค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายที่จ่ายอยู่ "สมเหตุสมผล" กับขนาดธุรกิจ?

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟื้นฟูกิจการ SME ในไทย

มีความเชื่อผิด ๆ หลายประการที่ทำให้ SME เข้ากระบวนการฟื้นฟูช้าเกินไป หรือเลือกใช้เครื่องมือไม่ถูกต้อง การเข้าใจข้อเท็จจริงตามกฎหมายและแนวปฏิบัติจริง จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นและปกป้องธุรกิจได้มากกว่าเดิม

  • เข้าใจผิดว่า "ฟื้นฟูกิจการ = ล้มละลายแล้ว"
    แท้จริงแล้ว การฟื้นฟูกิจการเป็นเครื่องมือ "ก่อน" หรือ "แทน" การล้มละลายในหลายกรณี หากเริ่มใช้ตั้งแต่ยังพอมีศักยภาพปรับตัว ธุรกิจสามารถรอดและกลับมามีกำไรได้ โดยไม่ต้องถูกพิพากษาล้มละลาย
  • เชื่อว่าภาระหนี้ "หายหมด" เมื่อเข้าสู่ฟื้นฟู
    กระบวนการฟื้นฟูไม่ใช่การลบหนี้ แต่เป็นการจัดโครงสร้างหนี้ใหม่ เช่น ลดบางส่วน ยืดระยะเวลา ปรับดอกเบี้ย เพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระได้จริง หากไม่ทำตามแผน เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิใช้มาตรการตามกฎหมายต่อไป
  • คิดว่าธุรกิจเล็กเกินไป ฟื้นฟูไม่ได้
    แม้เงื่อนไขการยื่นฟื้นฟูกิจการในศาลจะมีเกณฑ์จำนวนหนี้ขั้นต่ำ แต่ในทางปฏิบัติ SME ขนาดเล็กยังสามารถใช้การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้นอกศาล และใช้บริการที่ปรึกษาฟื้นฟูเพื่อออกแบบทางออกที่เหมาะสมกับขนาดธุรกิจของตนได้

FAQ: คำถามที่ SME มักถามเกี่ยวกับฟื้นฟูกิจการและปรับโครงสร้างหนี้

การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารจะกระทบเครดิตในอนาคตหรือไม่?

โดยทั่วไป การขอปรับโครงสร้างหนี้ย่อมมีผลต่อประวัติสินเชื่อ แต่ยังดีกว่าปล่อยให้หนี้เสียเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องและบังคับคดี ธนาคารหลายแห่งมองว่าลูกหนี้ที่ "กล้าเจรจาและทำตามแผน" มีความรับผิดชอบและมีโอกาสฟื้นมากกว่าลูกหนี้ที่นิ่งเฉยหรือหนีหนี้

ถ้าผม/ดิฉันเป็นกรรมการบริษัท จะมีความเสี่ยงส่วนตัวอะไรบ้างเมื่อธุรกิจเข้าสู่ภาวะวิกฤติ?

หากหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ของบริษัทที่มีนิติบุคคลแยกต่างหาก กรรมการจะรับผิดส่วนใหญ่ในฐานะตัวแทน หากไม่ได้มีการค้ำประกันส่วนบุคคลหรือทำการทุจริต อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติ SME มักมีการค้ำประกันส่วนตัวกับธนาคาร ทำให้ทรัพย์สินส่วนตัวอาจได้รับผลกระทบ จึงควรให้ทนายความตรวจสอบเอกสารค้ำประกันทุกฉบับ

การฟื้นฟูกิจการใช้เวลานานแค่ไหน?

ถ้าเป็นการเจรจานอกศาล อาจใช้เวลาไม่กี่เดือนขึ้นกับจำนวนเจ้าหนี้และความซับซ้อนของหนี้ ส่วนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งศาลมักกินเวลาหลายปี เพราะต้องจัดทำแผน เสนอให้เจ้าหนี้ลงมติ และดำเนินการตามแผนพร้อมรายงานต่อศาลตามระยะเวลา

ควรหยุดจ่ายเจ้าหนี้ทั้งหมดก่อนแล้วค่อยเจรจาหรือไม่?

การหยุดจ่ายทันทีโดยไม่สื่อสารอาจทำให้ความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้เสียหายและถูกดำเนินคดีเร็วขึ้น โดยทั่วไปควรจัดลำดับความสำคัญของการจ่าย และรีบแจ้งเจ้าหนี้รายสำคัญถึงปัญหา พร้อมขอเจรจาปรับเงื่อนไขโดยเร็ว ไม่ควรปล่อยให้เจ้าหนี้รู้จากการค้างชำระอย่างเดียว

จำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษาการเงินเพิ่มเติม นอกเหนือจากทนายความหรือไม่?

ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของธุรกิจ หากโครงสร้างหนี้และกระแสเงินสดไม่ซับซ้อน ทนายความที่คุ้นเคยงานฟื้นฟูกิจการ SME อาจเพียงพอ แต่ถ้ามีหนี้หลายชั้น หลายสกุลเงิน หรือต้องออกแบบแผนธุรกิจใหม่อย่างลึก ควรมีที่ปรึกษาด้านการเงินหรือที่ปรึกษาธุรกิจร่วมทีมด้วย

เมื่อไหร่ควรจ้างทนายความฟื้นฟูกิจการ?

หากคุณเริ่มรู้สึกว่าจ่ายดอกเบี้ยไม่ไหว มีเจ้าหนี้เริ่มทวงถามอย่างจริงจัง หรือได้รับหนังสือทวงถาม/คำฟ้อง นั่นคือสัญญาณชัดเจนว่าควรพบทนายความที่มีประสบการณ์ด้านฟื้นฟูกิจการ SME โดยไม่ต้องรอให้ถูกบังคับคดีหรือมีคำฟ้องล้มละลายก่อน

  • เมื่อเริ่มมีการค้างชำระเกิน 3 เดือนต่อเนื่องกับธนาคารหรือเจ้าหนี้รายสำคัญ
  • เมื่อได้รับหนังสือทวงถามจากฝ่ายกฎหมายหรือแจ้งเตือนจะฟ้องร้อง
  • เมื่อพบว่าธุรกิจต้อง "หยิบเงินส่วนตัวของเจ้าของ" มาช่วยหมุนอย่างต่อเนื่อง
  • เมื่อมีเจ้าหนี้หลายรายและยอดหนี้รวมสูงจนไม่รู้จะเจรจากับใครก่อน

ทนายความที่เข้าใจทั้งกฎหมายล้มละลายและการฟื้นฟูกิจการจะช่วยคุณประเมินสถานการณ์ว่า ควรเริ่มจากการเจรจานอกศาล ปรับโครงสร้างหนี้แบบไม่เป็นทางการ หรือควรเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการศาลล้มละลายกลาง รวมถึงช่วยปกป้องสิทธิส่วนตัวของกรรมการและผู้ถือหุ้นให้มากที่สุดเท่าที่กฎหมายเปิดช่อง

ขั้นตอนต่อไปหากคุณกำลังพิจารณาฟื้นฟูกิจการ SME

ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แสดงว่าคุณกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ไม่ง่าย และต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจ ขั้นตอนต่อไปควรเป็นการเปลี่ยน "ความกังวล" ให้เป็น "แผนปฏิบัติ" ที่เป็นรูปธรรม

  1. รวบรวมข้อมูลพื้นฐาน ตาม Checklist ในบทความนี้ภายใน 1-2 สัปดาห์
  2. นัดพบมืออาชีพ เช่น ทนายความด้านฟื้นฟูกิจการ SME พร้อมนำข้อมูลไปให้ประเมิน
  3. กำหนดกลยุทธ์ ว่าจะเริ่มจากเจรจานอกศาลกับเจ้าหนี้รายใดก่อน และวาง Timeline ชัดเจน
  4. สื่อสารภายใน กับหุ้นส่วนและทีมหลักให้เข้าใจสถานการณ์และเป้าหมายการฟื้นฟู
  5. ทบทวนและปรับแผน อย่างสม่ำเสมอ ตามผลการเจรจาและสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนไป

การฟื้นฟูกิจการไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ สำหรับ SME จำนวนไม่น้อย การยอมรับปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ และขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ คือจุดเริ่มต้นของการกลับมาแข็งแรงกว่าเดิม หากคุณพร้อมจะเริ่มก้าวแรก การพูดคุยกับทนายความที่คุ้นเคยงานฟื้นฟูกิจการในไทยจะช่วยให้ภาพทุกอย่างชัดเจนขึ้นอย่างมาก

บทความที่คล้ายกัน

ประเทศไทย Dec 21, 2025

ข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศ เริ่มอย่างไรดีสำหรับธุรกิจไทย Thailand

เมื่อเกิดข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจไทยควรเริ่มจากการตรวจสัญญา โดยเฉพาะเงื่อนไขกฎหมายที่ใช้บังคับ (govern...

อ่านบทความ
ประเทศไทย Dec 11, 2025

ลงทุน Private Equity ใน Thailand ถูกกฎหมายไหม เสี่ยงอะไรบ้าง

ในไทย โครงสร้าง Private Equity มักใช้กองทุนต่างประเทศ + บริษัทโฮลดิ้ง/SPV แบบบริษัทจำกัดไทย ร่วมกับ private fund...

อ่านบทความ
ประเทศไทย Dec 11, 2025

กรรมการบริษัทต้องรับผิดอะไรในไทย? เคสจริงใน Thailand

กรรมการบริษัทในไทยมีหน้าที่ทางกฎหมายชัดเจน ทั้งหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง ซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติตามกฎหมาย/ข้อบ...

อ่านบทความ

ต้องการคำแนะนำทางกฎหมาย?

เชื่อมต่อกับทนายความที่มีประสบการณ์ในพื้นที่ของคุณเพื่อรับคำแนะนำส่วนบุคคล

ไม่มีข้อผูกมัดในการจ้าง บริการฟรี 100%

เชื่อมต่อกับทนายความผู้เชี่ยวชาญ

รับคำแนะนำทางกฎหมายส่วนบุคคลจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการตรวจสอบในพื้นที่ของคุณ

SPECTER CK & PARTNERS Logo
SPECTER CK & PARTNERS
นนทบุรี
ตั้งแต่ปี 1998
ทนายความ 20 คน
ฟรี 1 hour
ธุรกิจ กฎหมายบริษัทและการค้า การย้ายถิ่นฐาน +1 เพิ่มเติม
โทรเลย
The Law Society Co.Ltd. Logo
The Law Society Co.Ltd.
ภูเก็ต
ตั้งแต่ปี 2006
ทนายความ 22 คน
ธนาคารและการเงิน คดีความและข้อพิพาท ธุรกิจ +1 เพิ่มเติม
โทรเลย
Anona International And Consultancy Co.,  Ltd. Logo
Anona International And Consultancy Co., Ltd.
กรุงเทพมหานคร
ตั้งแต่ปี 2020
ทนายความ 10 คน
ฟรี 1 hour
ธนาคารและการเงิน การย้ายถิ่นฐาน สิทธิพลเมืองและสิทธิมนุษยชน +1 เพิ่มเติม
โทรเลย

ทนายความทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบพร้อมประวัติการทำงานที่พิสูจน์ได้

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
ข้อมูลที่ให้ไว้ในหน้านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย แม้ว่าเราจะพยายามตรวจสอบความถูกต้องและความเกี่ยวข้องของเนื้อหา แต่ข้อมูลทางกฎหมายอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และการตีความกฎหมายอาจแตกต่างกันไป คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะสำหรับสถานการณ์ของคุณเสมอ

เราปฏิเสธความรับผิดทั้งหมดสำหรับการกระทำที่ทำหรือไม่ทำตามเนื้อหาในหน้านี้ หากคุณเชื่อว่าข้อมูลใดไม่ถูกต้องหรือล้าสมัย โปรด ติดต่อเรา และเราจะตรวจสอบและแก้ไขตามความเหมาะสม