กรรมการบริษัทต้องรับผิดอะไรในไทย? เคสจริงใน Thailand

อัปเดตเมื่อ Dec 11, 2025
  • กรรมการบริษัทในไทยมีหน้าที่ทางกฎหมายชัดเจน ทั้งหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง ซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติตามกฎหมาย/ข้อบังคับ หากละเมิดอาจถูกฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญา
  • ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) เป็นจุดเสี่ยงหลักของกรรมการ โดยเฉพาะธุรกรรมกับตนเอง/บุคคลที่เกี่ยวโยง หากไม่เปิดเผยและไม่เว้นว่างจากการลงมติอาจนำไปสู่คดีได้
  • คำพิพากษาศาลฎีกาหลายคดีชี้ชัดว่ากรรมการที่ลงมือหรือปล่อยปละละเลยจนบริษัทเสียหาย ต้องรับผิดชดใช้ และในบริษัทมหาชน/จดทะเบียนอาจมีโทษอาญาเพิ่มเติม
  • การมีนโยบายคณะกรรมการที่ชัดเจน ระบบกำกับดูแลภายในที่ดี และประกันความรับผิดของกรรมการและผู้บริหาร (D&O insurance) ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • แนวทางป้องกันที่ได้ผลมักรวมถึง: การบันทึกมติอย่างละเอียด การจัดการ conflict of interest ตามมาตรฐาน ก.ล.ต./ตลาดหลักทรัพย์ และการขอคำปรึกษาทางกฎหมายอย่างสม่ำเสมอ

บทความนี้จัดทำขึ้นสำหรับกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้บริหาร และที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทในไทย (โดยเฉพาะบริษัทมหาชนและบริษัทที่เตรียมเข้าตลาด) ที่ต้องการ "เข้าใจให้ลึก" และ "ลงมือทำ" นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านความรับผิดของกรรมการอย่างเป็นระบบ

ความรับผิดของกรรมการบริษัทในไทยคืออะไร และทำไมจึงสำคัญ?

โดยหลักแล้ว กรรมการบริษัทต้องรับผิดชอบต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น หากการตัดสินใจหรือการละเลยหน้าที่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ กรรมการอาจต้องชดใช้ค่าเสียหาย (ความรับผิดทางแพ่ง) หรือเผชิญโทษปรับ/จำคุก (ความรับผิดทางอาญา) ได้. สำหรับบริษัทมหาชนและบริษัทจดทะเบียน ยังมีกฎหมายพิเศษ เช่น พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลและโทษเมื่อมีการทุจริตหรือปกปิดข้อมูล.(sec.or.th)

ในภาพรวม "Corporate Governance" หรือระบบธรรมาภิบาล คือกรอบของโครงสร้าง อำนาจ หน้าที่ และกระบวนการต่างๆ ที่ช่วยให้กรรมการบริหารจัดการบริษัทอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตามแนวคิดของสำนักงาน ก.ล.ต. ธรรมาภิบาลที่ดีช่วยลดโอกาสเกิดข้อพิพาท ฟ้องร้องทางกฎหมาย และเสริมความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุน สถาบันการเงิน และพันธมิตรทางธุรกิจ.(sec.or.th)

มุมมอง ความหมายต่อกรรมการ
ความรับผิดทางแพ่ง ชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัท/ผู้ถือหุ้น/เจ้าหนี้ หากการกระทำหรือละเลยหน้าที่ทำให้บริษัทเสียหาย
ความรับผิดทางอาญา ถูกปรับหรือจำคุก หากฝ่าฝืนบทลงโทษในกฎหมายเฉพาะ เช่น ไม่ยื่นงบการเงิน ปลอมแปลงเอกสาร หลอกลวงนักลงทุน
มิติธรรมาภิบาล ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความซื่อสัตย์ โปร่งใส และมีระบบตรวจสอบภายในที่เชื่อถือได้

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • ความรับผิดของกรรมการต่างกันอย่างไรระหว่างบริษัทจำกัดกับบริษัทมหาชน?
  • กรรมการที่ไม่ใช่กรรมการผู้จัดการ (non-executive director) เสี่ยงน้อยกว่าหรือไม่?
  • ลาออกจากกรรมการแล้ว "ตัดหนี้ตัดสิน" ความเสี่ยงเก่าหรือยังคงอยู่ต่อ?

หน้าที่และความรับผิดชอบตามกฎหมายของกรรมการบริษัทไทยมีอะไรบ้าง?

หน้าที่ของกรรมการบริษัทไทยถูกกำหนดไว้ทั้งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (สำหรับบริษัทจำกัด) พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำหรับบริษัทมหาชน/จดทะเบียน). แกนกลางของหน้าที่คือ "ความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต" (fiduciary duties) เช่น ต้องปฏิบัติราวกับนักธุรกิจที่รอบคอบ ภักดีต่อผลประโยชน์ของบริษัท และไม่ทำธุรกิจแข่งขันหรือเอื้อประโยชน์ให้ตนเองโดยไม่เปิดเผย.(mondaq.com)

1.1 หน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์สำหรับบริษัทจำกัดคืออะไร?

สำหรับบริษัทจำกัด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดให้กรรมการต้องใช้ความระมัดระวังอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวัง และต้องไม่ทำให้บริษัทเสียหายโดยทุจริตหรือละเลยหน้าที่. หากกรรมการทำให้บริษัทเสียหาย บริษัท ผู้ถือหุ้น หรือแม้แต่เจ้าหนี้ในบางกรณีมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกรรมการได้.(legardy.com)

  • หน้าที่ดูแลกิจการ (Duty of Care) - ต้องตัดสินใจบนข้อมูลที่เพียงพอและสมเหตุสมผล ไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
  • หน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ (Duty of Obedience) - ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับบริษัท และมติที่ชอบด้วยกฎหมายของที่ประชุมกรรมการ/ผู้ถือหุ้น
  • สิทธิฟ้องของผู้ถือหุ้น/เจ้าหนี้ - หากบริษัทไม่ฟ้องกรรมการ ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดหรือเจ้าหนี้ (ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด) อาจใช้สิทธิฟ้องแทนบริษัทได้ตามมาตรา 1169

ข้อควรระวังสำคัญคือ กรรมการจำนวนมากเข้าใจว่าบริษัทเป็น "เกราะป้องกัน" ทำให้ไม่ต้องรับผิดส่วนตัว แต่ในข้อเท็จจริง หากการกระทำของกรรมการเข้าข่ายละเมิดหน้าที่ตามมาตราเหล่านี้ กรรมการต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากทรัพย์สินส่วนตัวได้.

1.2 หน้าที่ของกรรมการบริษัทมหาชนและบริษัทจดทะเบียนเป็นอย่างไร?

กรรมการของบริษัทมหาชนจำกัดและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกำหนดหน้าที่ไว้ละเอียดและเข้มงวดมากขึ้น เช่น มาตรา 89/7-89/10 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่กำหนดให้กรรมการและผู้บริหารต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต และห้ามมีผลประโยชน์ขัดกับบริษัท.(sec.or.th)

  • ต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท ไม่ใช่เพื่อผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่ง
  • ต้องปฏิบัติหน้าที่ราวกับบุคคลธรรมดาที่มีความรู้ความสามารถในธุรกิจเดียวกันภายใต้สถานการณ์ใกล้เคียงกัน
  • ห้ามมีส่วนได้เสียที่ขัดแย้งกับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ หากมีต้องเปิดเผยและงดออกเสียง
  • ต้องดูแลให้มีระบบตรวจสอบภายใน การจัดทำงบการเงิน และการเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดทุนอย่างถูกต้องครบถ้วน

หากละเมิดหน้าที่ตามกฎหมายเหล่านี้ กรรมการอาจถูกผู้ถือหุ้นหรือ ก.ล.ต. ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย และในบางกรณียังมีโทษอาญาตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ และกฎหมายอาญาเฉพาะด้านอื่นๆ อีกด้วย.(thaideka.com)

1.3 ความรับผิดทางแพ่งและอาญาของกรรมการแตกต่างกันอย่างไร?

ความรับผิดทางแพ่งคือภาระในการชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท ผู้ถือหุ้น หรือเจ้าหนี้ ส่วนความรับผิดทางอาญาเป็นเรื่องของการถูกดำเนินคดีโดยพนักงานอัยการ อาจมีโทษปรับและจำคุก ซึ่งมีผลกระทบต่อเสรีภาพและชื่อเสียงอย่างรุนแรง. ในหลายกรณี กรรมการอาจต้องเผชิญทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาควบคู่กันในเหตุเดียวกัน.

ประเภท ตัวอย่างฐานกฎหมาย ตัวอย่างพฤติกรรมเสี่ยง
แพ่ง ป.พ.พ. มาตรา 1168-1169, พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด มาตรา 85 อนุมัติทำสัญญาเสียเปรียบกับบริษัท โดยมีผลประโยชน์แอบแฝง ทำให้บริษัทเสียหาย
อาญา พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนฯ, พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ, กฎหมายภาษี/สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ไม่จัดทำ/ยื่นงบการเงินตามกำหนด ทำบัญชีเท็จ เปิดเผยข้อมูลเท็จต่อนักลงทุน

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • ผู้ถือหุ้น/เจ้าหนี้จะใช้สิทธิฟ้องกรรมการแทนบริษัทได้อย่างไรและต้องเตรียมหลักฐานอะไร?
  • กรรมการที่เป็น "นอมินี" หรือถือหุ้นแทนผู้อื่น มีหน้าที่และความเสี่ยงแตกต่างจากกรรมการทั่วไปหรือไม่?

ประเด็นจริยธรรมและความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของกรรมการคืออะไร?

ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของกรรมการ (conflict of interest) เกิดขึ้นเมื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของกรรมการ (หรือบุคคลใกล้ชิด) อาจขัดกับประโยชน์สูงสุดของบริษัท เช่น การทำธุรกรรมกับบริษัทของตนเอง หรือการใช้ข้อมูลภายในหาผลประโยชน์ส่วนตัว. แนวปฏิบัติของ ก.ล.ต. และ CG Code ของไทยกำหนดให้คณะกรรมการต้องมีนโยบายจริยธรรมและการจัดการ conflict of interest อย่างชัดเจน รวมถึงบังคับให้กรรมการที่มีส่วนได้เสียเปิดเผยข้อมูลและงดออกเสียงในเรื่องที่เกี่ยวข้อง.(sec.or.th)

2.1 ตัวอย่างสถานการณ์ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่พบได้บ่อย

ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ไม่ได้จำกัดเฉพาะการ "ทุจริต" แต่รวมถึงสถานการณ์ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวอาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ แม้กรรมการจะเชื่อว่าตนเองยังตัดสินใจอย่างเป็นธรรม. การมีระบบเปิดเผยและบริหารจัดการจึงสำคัญกว่าการพยายาม "หลบเลี่ยง" สถานการณ์เหล่านี้.

  • บริษัททำสัญญาซื้อขาย/ให้เช่า/ให้กู้ยืมกับบริษัทที่กรรมการหรือครอบครัวถือหุ้นอยู่
  • กรรมการรับตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทคู่แข่ง โดยไม่ได้แจ้งและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
  • กรรมการใช้ข้อมูลภายใน (inside information) เช่น แผนควบรวมกิจการ ไปซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อกำไรส่วนตัว
  • กรรมการผลักดันนโยบายหรือโครงการที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจส่วนตัว แม้จะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท

2.2 แนวปฏิบัติในการบริหารจัดการ conflict of interest สำหรับคณะกรรมการ

การจัดการ conflict of interest ที่ดีไม่ใช่เพียงการบันทึกในรายงาน แต่ต้องเริ่มตั้งแต่โครงสร้างกระบวนการตัดสินใจของบอร์ด. หลายบริษัทในไทยใช้แนวทางของ CG Code และข้อกำหนดของ ก.ล.ต./ตลาดหลักทรัพย์มาเป็นแม่แบบในการสร้างนโยบายภายในของตน.(sec.or.th)

  1. กำหนดนิยาม "บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน" และ "รายการที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์" ให้ชัดเจนในนโยบายบอร์ด
  2. กำหนด "แบบรายงานผลประโยชน์ส่วนตัว" ของกรรมการและผู้บริหารให้ต้องยื่นอย่างน้อยปีละครั้ง และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ
  3. กำหนดขั้นตอนให้กรรมการที่มีส่วนได้เสียต้องเปิดเผยก่อนเริ่มพิจารณาวาระ และเว้นว่างจากการเข้าร่วมอภิปราย/ลงมติในเรื่องนั้น
  4. ใช้กรรมการอิสระและคณะกรรมการตรวจสอบตรวจทานธุรกรรมที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์
  5. เปิดเผยธุรกรรมที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในรายงานประจำปีและแบบแสดงรายการข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • รายการใดบ้างที่ต้องขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นก่อนทำธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกัน?
  • ถ้าบอร์ดเห็นว่าธุรกรรมกับบริษัทของกรรมการเป็น "ราคาตลาด" ยังต้องเว้นว่างจากมติหรือไม่?

มีกรณีศึกษาคดีความของกรรมการบริษัทไทยอะไรบ้าง และได้บทเรียนอะไร?

คำพิพากษาศาลฎีกาของไทยให้ภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรฐานที่ศาลใช้ประเมินความรับผิดของกรรมการ ทั้งกรณีที่กรรมการถูกตัดสินว่าต้องรับผิด และกรณีที่ศาลเห็นว่ากรรมการไม่ต้องรับผิดเพราะไม่มีส่วนทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง. การศึกษาคดีเหล่านี้ช่วยให้บอร์ดเรียนรู้ "เส้นแบ่ง" ระหว่างความเสี่ยงที่ยอมรับได้กับความประมาทเลินเล่อที่อาจต้องรับผิดส่วนตัว.

3.1 คดีกรรมการไม่ใช่ผู้จัดการ: ขอบเขตหน้าที่และเหตุแห่งความเสียหาย

ในคดีหนึ่ง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ากรรมการบริษัทที่ไม่ใช่ผู้จัดการ ไม่มีหน้าที่จัดการธุรกิจประจำวันของบริษัท จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากการบริหารงานของผู้จัดการ เว้นแต่จะเข้าข่ายละเมิดหน้าที่ตามมาตรา 1168 ป.พ.พ. โดยตรง. ศาลยังชี้ว่าการที่กรรมการละเลยไม่เรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อรายงานการขาดทุน แม้เป็นเรื่องที่น่าตำหนิ แต่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของความเสียหาย จึงไม่ต้องรับผิดร่วม.(thailawwise.com)

บทเรียนสำหรับบอร์ด

  • ต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่าง "หน้าที่กำกับดูแล" ของบอร์ด กับ "หน้าที่บริหารจัดการ" ของฝ่ายจัดการ
  • อย่างไรก็ดี หากบอร์ดทราบปัญหาสำคัญแต่ไม่ดำเนินการแก้ไขใดๆ เลย ศาลอาจเห็นว่าการละเลยดังกล่าวเป็นสาเหตุโดยตรงของความเสียหายได้

3.2 คดีบริษัทมหาชนและการให้ข้อมูลเท็จต่อตลาดทุน

ในคดีที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดและพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ศาลเคยวินิจฉัยว่าผู้บริหารและกรรมการที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด เช่น การให้ข้อมูลเท็จต่อประชาชนหรือตลาดทุน ต้องรับโทษทั้งในฐานะกรรมการของบริษัทมหาชน (ตามมาตรา 85 พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด) และฐานช่วยเหลือกรรมการผู้จัดการในการฝ่าฝืน พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ.(thaideka.com)

บทเรียนสำหรับบอร์ด

  • ความรับผิดอาญาในบริบทตลาดทุนมีความเข้มงวดสูง การอนุมัติให้เปิดเผยข้อมูลใดๆ ต่อผู้ลงทุนต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบภายในที่รอบคอบ
  • กรรมการที่ "ปล่อยปละละเลย" ให้ข้อมูลเท็จเผยแพร่ โดยไม่ตรวจสอบในระดับที่สมควร อาจถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนหรือให้ความสะดวกในการกระทำความผิด

3.3 คดีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิฟ้องกรรมการแทนบริษัท

ในหลายคดี ศาลยืนยันหลักการว่าผู้ถือหุ้นไม่มีสิทธิฟ้องแทนบริษัท เว้นแต่จะเข้าข่ายกรณีตามมาตรา 1169 ป.พ.พ. คือกรณีที่กรรมการทำให้บริษัทเสียหายและบริษัทไม่ยอมฟ้องกรรมการเอง ผู้ถือหุ้นจึงใช้สิทธิ "ฟ้องเพื่อประโยชน์ของบริษัท" เช่น ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกรรมการที่ทำสัญญาเสียเปรียบ หรือโอนทรัพย์สินของบริษัทในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง.(closelawyer.co.th)

บทเรียนสำหรับบอร์ด

  • บอร์ดไม่ควรมองข้ามข้อร้องเรียนของผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการทุจริตของกรรมการ หากบริษัทเพิกเฉย ผู้ถือหุ้นอาจใช้สิทธิฟ้องแทนบริษัท ซึ่งกระทบต่อชื่อเสียงของทั้งบริษัทและบอร์ด
  • การจัดให้มีกระบวนการรับเรื่องร้องเรียน (whistleblowing) และตรวจสอบอย่างโปร่งใส ช่วยลดโอกาสที่ผู้ถือหุ้นต้องพึ่งช่องทางฟ้องแทนบริษัท

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • บอร์ดควรจัดเก็บเอกสารการประชุมอย่างไรเพื่อใช้เป็นหลักฐานว่ามีการใช้ความระมัดระวังเพียงพอ?
  • มีวิธีอย่างไรในการป้องกันไม่ให้กรรมการที่เป็น "shadow director" หรือผู้ที่มีอิทธิพลแต่ไม่เป็นกรรมการตามทะเบียน หลบเลี่ยงความรับผิด?

นโยบายคณะกรรมการและประกันความรับผิดของกรรมการ (D&O insurance) ควรออกแบบอย่างไร?

แม้จะมีการกำกับดูแลที่ดี ความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องกรรมการยังไม่อาจตัดทิ้งได้ทั้งหมด นอกจากมีกฎเกณฑ์/นโยบายระดับบอร์ดที่ชัดเจน หลายบริษัทในไทยจึงจัดให้มีประกันความรับผิดของกรรมการและผู้บริหาร (Directors and Officers Liability Insurance: D&O) เพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีและค่าเสียหายบางส่วน ตามเงื่อนไขกรมธรรม์.(marsh.com)

4.1 D&O insurance คืออะไร และครอบคลุมอะไรบ้าง?

ประกัน D&O เป็นประกันที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองกรรมการและผู้บริหาร หากถูกกล่าวหาว่าละเมิดหน้าที่ในการบริหารจัดการ เช่น ถูกผู้ถือหุ้นฟ้องเรียกค่าเสียหาย หรือถูกหน่วยงานกำกับฟ้องคดี (บางส่วน). โดยทั่วไปประกันจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล และค่าเสียหายที่ศาลพิพากษาหรือยอมความภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์.

  • ความคุ้มครองหลัก - ค่าทนาย ค่าธรรมเนียมศาล ค่าใช้จ่ายในการสอบสวนของหน่วยงานรัฐ และค่าเสียหายบางส่วน
  • ผู้เอาประกัน - กรรมการ (ทั้งผู้บริหารและอิสระ) ผู้บริหารระดับสูง และในบางกรมธรรม์รวมเจ้าหน้าที่ระดับหนึ่งด้วย
  • ข้อยกเว้นสำคัญ - การทุจริตโดยเจตนา การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ความผิดอาญาบางประเภท และเรียกร้องที่เกิดก่อนวันคุ้มครอง

ในทางปฏิบัติ ค่าเบี้ยประกันจะขึ้นกับขนาดธุรกิจ โครงสร้างผู้ถือหุ้น ประวัติคดีความ และระดับความเสี่ยงของอุตสาหกรรม โดยมักอยู่ในช่วงตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลายล้านบาทต่อปีสำหรับบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่.

4.2 การออกแบบนโยบายคณะกรรมการให้สอดคล้องกับ D&O

ประกัน D&O ไม่ได้แทนที่หน้าที่ตามกฎหมายของกรรมการ แต่เป็น "ตาข่ายรองรับ" เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นจริง การออกแบบนโยบายบอร์ดให้สอดรับกับกรมธรรม์จะช่วยให้การเคลมมีประสิทธิภาพและลดช่องโหว่.

  1. กำหนดในข้อบังคับบริษัทหรือ charter ของบอร์ด ว่าบริษัทจะจัดให้มี D&O ให้กรรมการ และทบทวนความคุ้มครองอย่างสม่ำเสมอ
  2. จัดให้กรรมการรับทราบขอบเขตความคุ้มครองและข้อยกเว้นของกรมธรรม์อย่างชัดเจน
  3. กำหนดขั้นตอนภายในเมื่อมีการรับหมายศาลหรือหนังสือจากหน่วยงานกำกับ (เช่น ผู้รับผิดชอบแจ้งบริษัท/บริษัทประกัน ภายในกี่วัน)
  4. ทบทวนวงเงินความคุ้มครองให้สอดคล้องกับขนาดธุรกิจและประวัติข้อพิพาท

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • บริษัทควรให้ D&O ครอบคลุมอดีตกรรมการด้วยหรือไม่ (run-off coverage)?
  • การให้บริษัทชดใช้ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายโดยตรง (indemnification) แตกต่างจากประกัน D&O อย่างไร?

กรรมการและบริษัทจะป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายได้อย่างไร?

การป้องกันความเสี่ยงของกรรมการที่มีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มตั้งแต่โครงสร้างบอร์ด กระบวนการตัดสินใจ และวัฒนธรรมองค์กร ไม่ใช่เพียงการ "เซ็นเอกสารให้ครบ". การวางระบบที่ดีจะช่วยให้เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้น บริษัทสามารถแสดงให้ศาลเห็นได้ว่ากรรมการได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว.

5.1 Checklist แนวปฏิบัติหลักสำหรับบอร์ดในไทย

ด้านล่างคือ checklist แบบย่อที่บอร์ดไทยจำนวนมากใช้เป็น "ฐานขั้นต่ำ" (baseline) ในการบริหารความเสี่ยงด้านความรับผิดของกรรมการ โดยเฉพาะบริษัทมหาชนและบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นกระจาย.

  • โครงสร้างและองค์ประกอบบอร์ด
    • มีกรรมการอิสระในสัดส่วนที่เหมาะสม และมีประสบการณ์ในธุรกิจหลักของบริษัท
    • แยกบทบาทประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ (CEO) อย่างชัดเจน หรือมีมาตรการชดเชยหากบุคคลเดียวกันถือสองตำแหน่ง
  • กระบวนการประชุมและบันทึกมติ
    • แจ้งวาระและเอกสารล่วงหน้าเพียงพอ ให้กรรมการมีเวลาศึกษา
    • ให้กรรมการสามารถขอข้อมูลเพิ่มจากฝ่ายจัดการหรือที่ปรึกษาภายนอกได้เมื่อจำเป็น
    • บันทึกมติและความเห็นแย้ง/ข้อสงวนของกรรมการในรายงานการประชุมอย่างละเอียด
  • การจัดการความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎหมาย (compliance)
    • มีคณะกรรมการตรวจสอบที่เป็นอิสระ ทำหน้าที่ทบทวนงบการเงิน ระบบควบคุมภายใน และการปฏิบัติตามกฎหมาย
    • กำหนดผู้รับผิดชอบด้าน compliance และรายงานความเสี่ยงสำคัญต่อบอร์ดอย่างสม่ำเสมอ
  • จริยธรรมและวัฒนธรรมองค์กร
    • มีจรรยาบรรณธุรกิจ (code of conduct) และนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันที่ชัดเจน
    • สนับสนุนระบบแจ้งเบาะแส (whistleblower) ที่เป็นอิสระและปกป้องผู้ร้องเรียน

5.2 ตาราง "กิจกรรมประจำปี" ของบอร์ดเพื่อบริหารความเสี่ยงความรับผิด

ความถี่ กิจกรรม เป้าหมายด้านความรับผิดของกรรมการ
รายไตรมาส ประชุมบอร์ดทบทวนผลการดำเนินงาน ความเสี่ยงหลัก และสถานะข้อพิพาท ให้กรรมการมีข้อมูลปัจจุบันเพียงพอในการตัดสินใจ และติดตามความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
ปีละครั้ง ประเมินประสิทธิภาพบอร์ดและคณะกรรมการย่อย ปรับโครงสร้างและทบทวน charter ยืนยันว่าบอร์ดยังมีความรู้และทักษะเพียงพอต่อความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลง
ปีละครั้ง ทบทวนความครอบคลุมของประกัน D&O และนโยบายความเสี่ยง ให้ความคุ้มครองของกรรมการสอดคล้องกับขนาดธุรกิจและสภาพตลาด
ต่อเนื่อง จัดให้มีการอบรม/อัปเดตกฎหมายใหม่ๆ ให้กรรมการ ลดความเสี่ยงจากความไม่รู้กฎหมาย (ignorance of law)

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • บริษัทขนาดกลาง/เล็กที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาด ควรยกระดับระบบธรรมาภิบาลถึงระดับไหนจึงจะคุ้มค่า?
  • เมื่อมีความเห็นแตกต่างกันในบอร์ด กรรมการควรบันทึก "ความเห็นสงวน" อย่างไรจึงจะมีน้ำหนักในศาล?

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับความรับผิดของกรรมการบริษัทไทย

การทำงานกับบอร์ดในไทยพบความเชื่อที่คลาดเคลื่อนอยู่หลายประเด็น ซึ่งอาจทำให้กรรมการประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป การแก้ไขความเข้าใจเหล่านี้เป็นก้าวแรกของการเสริมสร้างธรรมาภิบาลที่แท้จริง.

  • เข้าใจผิด: "เป็นกรรมการเฉยๆ ไม่ได้เซ็นเอกสารอะไร ไม่ต้องรับผิด"
    ในความเป็นจริง กรรมการทุกคนมีหน้าที่เท่าเทียมกันในการกำกับดูแล เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้คัดค้านหรือพยายามป้องกันความเสียหายแล้ว การนิ่งเฉยในขณะรู้ปัญหาอาจถูกมองเป็นการละเลยหน้าที่.
  • เข้าใจผิด: "ลาออกแล้ว เรื่องเก่าจบหมด"
    แม้การลาออกจะลดความเสี่ยงในอนาคต แต่กรรมการยังอาจถูกฟ้องจากการกระทำในช่วงที่ดำรงตำแหน่งอยู่ โดยในทางปฏิบัติ มักมีการฟ้องภายในระยะเวลาหนึ่งนับจากวันที่ความเสียหายปรากฏชัด ซึ่งอาจยาวนานกว่าสองปีในบางกรณี.
  • เข้าใจผิด: "ซื้อประกัน D&O แล้วทำอะไรก็ได้"
    ประกัน D&O มักไม่คุ้มครองการทุจริตโดยเจตนา หรือการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งศาลอาจมองไม่ดีต่อกรรมการที่พึ่งประกันมากกว่าการใช้ความระมัดระวังอย่างจริงจัง.

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความรับผิดของกรรมการบริษัทในไทย

กรรมการต่างชาติในบริษัทไทยมีความรับผิดมากน้อยกว่ากรรมการคนไทยหรือไม่?

ภายใต้กฎหมายไทย กรรมการต่างชาติและกรรมการคนไทยมีหน้าที่และความรับผิดเท่าเทียมกัน ไม่มีข้อยกเว้นเพียงเพราะสัญชาติ สิ่งที่ต่างคือข้อจำกัดด้านภาษา วัฒนธรรม และความเข้าใจกฎหมายไทย ซึ่งทำให้กรรมการต่างชาติต้องให้ความสำคัญกับการได้รับข้อมูลและคำแปลที่ถูกต้องยิ่งขึ้น รวมถึงการเข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับกฎหมายไทยเป็นประจำ.(mondaq.com)

ถ้าบอร์ดทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษาภายนอก (เช่น ที่ปรึกษาการเงิน/ทนาย) แล้วผิดพลาด กรรมการยังต้องรับผิดหรือไม่?

การอาศัยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ช่วยแสดงว่ากรรมการใช้ความระมัดระวังตามสมควร แต่ไม่ใช่ "เกราะป้องกัน" แบบสัมบูรณ์ หากการตัดสินใจนั้นเห็นได้ชัดว่าเสี่ยงเกินควร หรือกรรมการละเลยข้อมูลสำคัญอื่นๆ ศาลยังอาจเห็นว่ากรรมการละเมิดหน้าที่ได้ ดังนั้นบอร์ดควรถามคำถามอย่างเข้มข้น (active questioning) และขอข้อมูลอิสระเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น.(sec.or.th)

บริษัทที่ยังไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์ควรสนใจเรื่อง Corporate Governance แค่ไหน?

แม้บริษัทที่ยังไม่เข้าตลาดจะไม่มีภาระตามกฎเกณฑ์ของตลาดทุน แต่หลักธรรมาภิบาลยังช่วยลดความเสี่ยงด้านคดีความ เพิ่มความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ และเตรียมความพร้อมสำหรับการระดมทุน/ขายกิจการในอนาคต การเริ่มต้นจากมาตรฐานขั้นต่ำ เช่น บันทึกมติการประชุมอย่างละเอียด มีกรรมการอิสระอย่างน้อย 1-2 คน และกำหนดนโยบาย conflict of interest อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า.

ถ้าผู้ถือหุ้นส่วนน้อยไม่พอใจการตัดสินใจของบอร์ด จะฟ้องกรรมการได้ทุกเรื่องหรือไม่?

ผู้ถือหุ้นไม่สามารถฟ้องกรรมการได้ทุกกรณีเพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจ (business judgment) แต่ต้องพิสูจน์ว่ากรรมการละเมิดหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น ขาดความระมัดระวังอย่างร้ายแรง หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนซ่อนเร้น ในหลายกรณีหากเป็นเพียงความเห็นต่างในเชิงธุรกิจ ศาลมักไม่แทรกแซงการตัดสินใจของบอร์ดที่ทำโดยสุจริตและมีข้อมูลเพียงพอ.

เมื่อไหร่ควรซื้อประกัน D&O ให้กรรมการ?

โดยทั่วไป เมื่อบริษัทมีจำนวนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น มีเจ้าหนี้สถาบัน หรือมีแผนจะเข้าตลาดทุน ความเสี่ยงจากการถูกฟ้องกรรมการจะสูงขึ้น การพิจารณาซื้อ D&O จึงควรทำเมื่อบริษัทเริ่มมีธุรกรรมซับซ้อน มูลค่าสูง หรือมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะมากขึ้น บอร์ดควรร่วมกับฝ่ายการเงินและที่ปรึกษาประเมินขนาดความคุ้มครองที่เหมาะสมกับขนาดธุรกิจและโครงสร้างผู้ถือหุ้น.

เมื่อไหร่ควรจ้างทนายความด้านกฎหมายบริษัท?

การจ้างทนายไม่ควรเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อถูกฟ้องแล้วเท่านั้น แต่ควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงตั้งแต่ต้น ในหลายกรณี ค่าใช้จ่ายในการให้ทนายช่วยออกแบบระบบธรรมาภิบาลล่วงหน้าต่ำกว่าค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีอย่างมาก.

  • สถานการณ์ที่ควรมีทนายร่วมโต๊ะบอร์ด
    • การทำธุรกรรมขนาดใหญ่/ซับซ้อน เช่น M&A การขายสินทรัพย์สำคัญ หรือการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ
    • การทำรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่/กรรมการ
    • การปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท การเพิ่มทุน ลดทุน หรือออกหลักทรัพย์ใหม่
  • เมื่อมี "สัญญาณเตือน" ด้านกฎหมาย
    • ได้รับหนังสือเตือน/สอบถามจากหน่วยงานรัฐ (เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร ก.ล.ต.)
    • มีข้อพิพาทรุนแรงกับผู้ถือหุ้นส่วนน้อย เจ้าหนี้หลัก หรือคู่ค้ารายใหญ่
    • พบข้อบ่งชี้การทุจริตในระดับบริหารหรือกรรมการ

การมีทนายที่เข้าใจทั้งบริบทธุรกิจและกฎหมายไทยอย่างลึกซึ้งช่วยให้บอร์ดสามารถวาง "ทางเลือก" และประเมินความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ ก่อนตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่อาจกระทบต่อความรับผิดส่วนตัวของกรรมการ.

ขั้นตอนต่อไปสำหรับคณะกรรมการและผู้บริหาร

เพื่อเปลี่ยนความรู้ในบทความนี้ให้เป็นการป้องกันความเสี่ยงที่จับต้องได้ บอร์ดสามารถใช้ "แผน 90 วัน" แบบง่ายๆ ต่อไปนี้เป็นจุดเริ่มต้น โดยปรับใช้ตามขนาดและลักษณะธุรกิจของตน.

  1. ภายใน 30 วัน
    • สำรวจและรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวกับการกำกับดูแลปัจจุบัน เช่น ข้อบังคับบริษัท charter ของบอร์ด/คณะกรรมการย่อย นโยบายจริยธรรม และระเบียบการประชุม
    • ให้เลขานุการบริษัทจัดทำ "gap analysis" ขั้นต้น เทียบกับแนวทางของ สำนักงาน ก.ล.ต. เกี่ยวกับธรรมาภิบาล
  2. ภายใน 60 วัน
    • ประชุมบอร์ดเพื่อพิจารณาแก้ไข/เพิ่มเติมนโยบายที่สำคัญ เช่น นโยบาย conflict of interest ระบบรับเรื่องร้องเรียน และการบันทึกมติ
    • มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบหรือที่ปรึกษาภายนอกประเมินความจำเป็นและระดับความคุ้มครองของ D&O
  3. ภายใน 90 วัน
    • จัดอบรมกรรมการเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดภายใต้กฎหมายไทย และกรณีศึกษาคดีล่าสุด (อาจเชิญวิทยากรจากภายนอกหรือใช้เอกสารจาก CG Code ของ ก.ล.ต. ไทย ประกอบ)(sec.or.th)
    • จัดทำแผนติดตามผล เช่น การประเมินประสิทธิภาพบอร์ดประจำปี และการทบทวนเอกสารกำกับดูแลทุก 2-3 ปี

ในระยะยาว บอร์ดที่ให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลและความรับผิดของกรรมการอย่างจริงจัง ไม่เพียงลดโอกาสเผชิญคดีความและบทลงโทษ แต่ยังสร้าง "ทุนความน่าเชื่อถือ" ที่ช่วยให้บริษัทเข้าถึงเงินทุนและพันธมิตรทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ถือหุ้นและกรรมการเองในระยะยาว.

สำหรับบริษัทที่ต้องการลงลึกในรายละเอียดเฉพาะกรณี เช่น การออกแบบโครงสร้างบอร์ดที่เหมาะสม หรือการจัดทำเอกสารป้องกันความรับผิดในดีลสำคัญ การปรึกษาทนายความที่มีประสบการณ์ด้านกฎหมายบริษัทไทยโดยตรงจะช่วยให้ได้แนวทางที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและความเสี่ยงของกิจการมากที่สุด ทั้งยังช่วยให้กรรมการสามารถทำหน้าที่อย่างมั่นใจยิ่งขึ้นภายใต้กรอบกฎหมายไทย.

หากต้องการศึกษาคำพิพากษาศาลฎีกาและเอกสารทางกฎหมายเพิ่มเติม สามารถค้นคว้าได้จากแหล่งข้อมูลของศาลไทย เช่น ห้องสมุดศาลยุติธรรม ซึ่งมีเอกสารพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด และบทความทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ศึกษาเพิ่มเติม.

ต้องการคำแนะนำทางกฎหมาย?

เชื่อมต่อกับทนายความที่มีประสบการณ์ในพื้นที่ของคุณเพื่อรับคำแนะนำส่วนบุคคล

ไม่มีข้อผูกมัดในการจ้าง บริการฟรี 100%

เชื่อมต่อกับทนายความผู้เชี่ยวชาญ

รับคำแนะนำทางกฎหมายส่วนบุคคลจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการตรวจสอบในพื้นที่ของคุณ

SB Law Asia Logo
SB Law Asia
กรุงเทพมหานคร
ตั้งแต่ปี 2014
ทนายความ 9 คน
ฟรี 30 minutes
คดีความและข้อพิพาท ธุรกิจ กฎหมายบริษัทและการค้า +1 เพิ่มเติม
โทรเลย

ทนายความทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบพร้อมประวัติการทำงานที่พิสูจน์ได้

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
ข้อมูลที่ให้ไว้ในหน้านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย แม้ว่าเราจะพยายามตรวจสอบความถูกต้องและความเกี่ยวข้องของเนื้อหา แต่ข้อมูลทางกฎหมายอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และการตีความกฎหมายอาจแตกต่างกันไป คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะสำหรับสถานการณ์ของคุณเสมอ

เราปฏิเสธความรับผิดทั้งหมดสำหรับการกระทำที่ทำหรือไม่ทำตามเนื้อหาในหน้านี้ หากคุณเชื่อว่าข้อมูลใดไม่ถูกต้องหรือล้าสมัย โปรด ติดต่อเรา และเราจะตรวจสอบและแก้ไขตามความเหมาะสม