1. About การระงับข้อพิพาทแบบร่วมมือ Law in Thailand
การระงับข้อพิพาทแบบร่วมมือ หรือ Collaborative Law คือกระบวนการที่คู่กรณีและทนายความร่วมกันออกแบบกระบวนการเจรจา เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันโดยหลีกเลี่ยงการฟ้องศาลในระยะเริ่มต้น การร่วมมือกันอย่างชัดเจนระบุเป้าหมายว่าไม่ให้มีการทะเลาะเวียนเอกสารระหว่างฝ่าย
ในบริบทของประเทศไทย การระงับข้อพิพาทแบบร่วมมือมักถูกนำมาใช้กับข้อพิพาทครอบครัว ธุรกิจขนาดกลาง และสัญญาระหว่างบุคคล โดยมุ่งเน้นการสื่อสารที่เปิดเผย ช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณี และลดค่าใช้จ่ายเวลาในการพิจารณาคดี
ความแตกต่างหลักระหว่างการระงับข้อพิพาทแบบร่วมมือกับกระบวนการไกล่เกลี่ยหรืออนุญาโต คือ collaborative law เน้นทีมที่ประกอบด้วยทนายความที่ทำงานควบคู่กับคู่กรณีตั้งแต่ต้นจนได้ข้อสรุป ในขณะที่ไกล่เกลี่ยเป็นกระบวนการ facilitation ที่ผู้ไกล่เกลี่ยช่วยให้บรรลุข้อตกลง แต่ไม่จำเป็นต้องมีทนายความร่วมทีมในทุกกรณี
Thailand's ADR framework aims to reduce court caseload by encouraging out-of-court settlements. Source: Office of the Judiciary, https://www.judiciary.go.th
The Ministry of Justice highlights mediation as a key step in dispute resolution and justice reform in Thailand. Source: https://moj.go.th
2. Why You May Need a Lawyer
- กรณีครอบครัวที่ซับซ้อน เช่น การแบ่งทรัพย์สินหลังแต่งงานที่มีทรัพย์สินร่วมกันจำนวนมาก และสถานะดูแลบุตรที่ซับซ้อน ต้องการทนายความที่เข้าใจแนวทางร่วมมือเพื่อรักษความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณี
- ธุรกิจขนาดกลางที่มีความสัมพันธ์ยาวนาน ระหว่างหุ้นส่วน ต้องการข้อตกลงใหม่ที่ชัดเจนและไม่ให้เกิดข้อพิพาทในอนาคต โดยมีทีมทนายร่วมทีมสื่อสารกับผู้บริหาร
- ข้อพิพาทสัญญาซับซ้อน เช่น ข้อกำหนดการชดเชยหรือกำหนดการส่งมอบ ที่ต้องการข้อสรุปรวดเร็วและชัดเจน โดยไม่ทำลายโอกาสทางธุรกิจ
- ข้อพิพาทด้านอสังหาริมทรัพย์และงานก่อสร้าง ที่อาจมีข้อโต้แย้งเรื่องค่าใช้จ่าย คำสั่งซ่อมแซม และความรับผิดชอบ โดย collaborative law ช่วยวางกรอบการเจรจาและการชดเชย
- ข้อพิพาทระหว่างธนาคารและลูกหนี้ ที่ต้องการข้อตกลงใหม่เกี่ยวกับชำระหนี้และเงื่อนไขการชำระ เพื่อหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องหรือการบังคับคดี
- ครอบครัวและการดูแลบุตรที่มีความสลับซับซ้อน เช่น การกำหนดเวลาเยี่ยมลูกหรือการสนับสนุนทางการเงิน ที่ต้องการกระบวนการที่เป็นมิตรและชัดเจน
3. Local Laws Overview
ในประเทศไทย กระบวนการระงับข้อพิพาทแบบร่วมมือมีรากฐานจากกรอบกฎหมาย ADR ที่เป็นระบบ ซึ่งประกอบด้วยหลักการของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ( Civil and Commercial Code ) และพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาโตและการไกล่เกลี่ย
- พระราชบัญญัติการอนุญาโต (Arbitration Act B.E. 2545) ถือกรอบการอนุญาโตภายในประเทศ ซึ่งให้กระบวนการระงับข้อพิพาทผ่านผู้ตัดสินที่มีอำนาจตัดสินข้อพิพาทตามข้อตกลงของคู่สัญญ
- ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (Civil Procedure Code) กำหนดขั้นตอนและแนวทางในการแก้ไขข้อพิพาททางแพ่ง รวมถึงการไกล่เกลี่ยและการระงับข้อพิพาทในระยะก่อนฟ้องศาล
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เน้นกฎหมายทรัพย์สิน การหมั้นหมาย การค้า และข้อพิพาทระหว่างบุคคล ซึ่งมักนำไปสู่การใช้กระบวนการ ADR ทั้งในรูปแบบร่วมมือและไกล่เกลี่ย
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยและองค์กรศาลมีความพยายามส่งเสริม ADR ผ่านการฝึกอบรมผู้ไกล่เกลี่ยและการสร้างแพลตฟอร์ม ADR เพื่อช่วยลดภาระคดีในศาล
Thai ADR initiatives aim to reduce court caseload and promote out-of-court settlements. Source: Office of the Judiciary, https://www.judiciary.go.th
เมื่อพิจารณากฎหมายและแนวทางปฏิบัติ ปัจจุบันประเทศไทยยังคงพัฒนาแนวทาง collaborative law อย่างต่อเนื่อง และมีการระบุในแหล่งข้อมูลของหน่วยงานราชการเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยและการระงับข้อพิพาทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบยุติธรรม
4. Frequently Asked Questions
What is collaborative law and how does it work in Thailand?
Collaborative law เป็นกระบวนการที่คู่กรณีร่วมกับทนายความจัดทำข้อตกลงโดยไม่มีการฟ้องศาลตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งหมดมีส่วนร่วมวางแผนเจรจา และอาจมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการแต่งตั้งผู้ประสานงาน
How do I start a collaborative dispute resolution process?
เริ่มจากหาทนายความที่มีประสบการณ์ใน collaborative law หรือ ADR แล้วนัดประชุมเพื่อกำหนดวัตถุประสงค์ ระบุขอบเขตข้อพิพาท และเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
Do I need to hire a lawyer for collaborative law in Thailand?
โดยทั่วไปควรมีทนายความร่วมทีม เพื่อให้คำปรึกษากฎหมาย ตรวจสอบข้อตกลง และปกป้องสิทธิของคุณในทุกขั้นตอน
How much does collaborative law cost in Thailand?
ค่าใช้จ่ายขึ้นกับระดับความซับซ้อนของข้อพิพาท และจำนวนทนายความที่ร่วมทีม โดยทั่วไปค่าบริการรวมอาจคิดเป็นอัตราค่าบริการต่อชั่วโมง และค่าใช้จ่ายของทีมผู้เชี่ยวชาญ
How long does the collaborative process take?
ระยะเวลาแตกต่างกันตามความซับซ้อนของข้อพิพาท แต่โดยทั่วไประบุไว้ว่า 1-4 เดือนสำหรับข้อพิพาททั่วไปและอาจนานขึ้นหากเรื่องซับซ้อนมาก
Do I need to go to court at any point?
โดยหลักแล้วขั้นตอนร่วมมือมุ่งหลีกเลี่ยงการฟ้องศาล หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนไปสู่กระบวนการฟ้องร้อง
Can collaborative law be used for family disputes in Thailand?
ได้ โดยเฉพาะกรณีทรัพย์สินหลังหย่าร้าง หรือการดูแลบุตรที่ต้องการข้อตกลงชัดเจนและยอมรับร่วมกัน
What's the difference between collaborative law and mediation?
ใน mediation ผู้ไกล่เกลี่ยช่วยให้เกิดข้อตกลงโดยไม่จำเป็นต้องมีทนายความร่วมทีม แต่ใน collaborative law ทีมทนายความช่วยให้ดำเนินกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ
What if the other party refuses to participate collaboratively?
หากคู่กรณีไม่เข้าร่วม อาจต้องเปลี่ยนไปใช้การไกล่เกลี่ยแบบเดิมหรือกระบวนการศาลตามกรอบกฎหมาย
Is there certification for collaborative lawyers in Thailand?
บางองค์กรให้การรับรองหรืออบรมด้าน collaborative law แต่ยังไม่มีมาตรฐานระเบียบกลางระดับประเทศ การเลือกทนายความที่มีประสบการณ์จริงจึงสำคัญ
Do I need to disclose all information in a collaborative process?
โดยหลักการ ความโปร่งใสเป็นส่วนสำคัญ เพื่อป้องกันข้อพิพาทที่ไม่จำเป็น คุณควรเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยได้รับคำแนะนำทางกฎหมาย
How do costs get divided if the process ends early?
ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าทีมทนายและผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมทีม และบางกรณีอาจมีการชดเชยค่าใช้จ่ายขึ้นกับข้อตกลงในสัญญาการร่วมมือ
5. Additional Resources
ต่อไปนี้คือแหล่งข้อมูลทางการที่สามารถช่วยคุณเข้าใจและเข้าถึงกระบวนการระงับข้อพิพาทแบบร่วมมือในประเทศไทย
- Office of the Judiciary - หน่วยงานบริหารจัดการศาลและการส่งเสริม ADR รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับไกล่เกลี่ยและแนวทาง ADR ในประเทศไทย; เว็บไซต์: judiciary.go.th
- Ministry of Justice - หน่วยงานรัฐที่มุ่งเน้นการพัฒนากระบวนการยุติธรรม รวมถึงโปรแกรมไกล่เกลี่ยและการเข้าถึงการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย; เว็บไซต์: moj.go.th
- Thai Arbitration Center (THAC) - ศูนย์อนุญาโตที่ให้บริการอนุญาโตและการระงับข้อพิพาทในระดับประเทศและระหว่างประเทศ (ADR services); เว็บไซต์: thac.or.th
6. Next Steps
- กำหนดวัตถุประสงค์ของคุณให้ชัดเจน ระบุสิ่งที่ต้องได้จากข้อตกลงและข้อจำกัดที่ยอมรับได้
- ค้นหาทนายความที่มีประสบการณ์ด้าน collaborative law หรือ ADR โดยดูผลงานจริงและคำรับรอง
- ตรวจสอบคุณสมบัติและประสบการณ์ของทนายความ พร้อมสอบถามกรอบค่าใช้จ่ายและโครงสร้างค่าบริการ
- นัดปรึกษาเบื้องต้น เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น สัญญา ข้อตกลงเดิม และเอกสารทางการเงิน
- หารือเกี่ยวกับทีมผู้เชี่ยวชาญที่อาจมีร่วมงาน เช่น ผู้ประเมินการเงิน หรือผู้ดูแลงานด้านไกล่เกลี่ย
- ลงนามในสัญญาการร่วมมือ (Participation Agreement) และกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการ
- เริ่มกระบวนการร่วมมืออย่างเป็นทางการ โดยมีกำหนดการประชุมและบันทึกข้อตกลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
Lawzana ช่วยคุณค้นหาทนายความและสำนักงานกฎหมายที่ดีที่สุด ใน ประเทศไทย ผ่านรายชื่อผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่คัดสรรและตรวจสอบล่วงหน้า แพลตฟอร์มของเรานำเสนอการจัดอันดับและโปรไฟล์โดยละเอียดของทนายความและสำนักงานกฎหมาย ช่วยให้คุณเปรียบเทียบตามสาขากฎหมาย รวมถึง การระงับข้อพิพาทแบบร่วมมือ ประสบการณ์ และความคิดเห็นของลูกค้า
แต่ละโปรไฟล์ประกอบด้วยคำอธิบายเกี่ยวกับสาขากฎหมายของสำนักงาน รีวิวจากลูกค้า สมาชิกในทีมและหุ้นส่วน ปีที่ก่อตั้ง ภาษาที่พูด ที่ตั้งสำนักงาน ข้อมูลการติดต่อ การมีตัวตนบนโซเชียลมีเดีย และบทความหรือแหล่งข้อมูลที่เผยแพร่ สำนักงานส่วนใหญ่บนแพลตฟอร์มของเราพูดภาษาอังกฤษและมีประสบการณ์ทั้งในเรื่องกฎหมายท้องถิ่นและระหว่างประเทศ
ขอใบเสนอราคาจากสำนักงานกฎหมายชั้นนำ ใน ประเทศไทย — รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่ยุ่งยาก
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
ข้อมูลที่ให้ไว้ในหน้านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย แม้ว่าเราจะพยายามตรวจสอบความถูกต้องและความเกี่ยวข้องของเนื้อหา แต่ข้อมูลทางกฎหมายอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และการตีความกฎหมายอาจแตกต่างกันไป คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะสำหรับสถานการณ์ของคุณเสมอ
เราปฏิเสธความรับผิดทั้งหมดสำหรับการกระทำที่ทำหรือไม่ทำตามเนื้อหาในหน้านี้ หากคุณเชื่อว่าข้อมูลใดไม่ถูกต้องหรือล้าสมัย โปรด contact us และเราจะตรวจสอบและแก้ไขตามความเหมาะสม
