1. About องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและองค์กรการกุศล Law in Thailand
องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในประเทศไทยแบ่งเป็นสองรูปแบบหลักคือ การสมาคม (Association) และ มูลนิธิ (Foundation) ทั้งสองรูปแบบมีวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณประโยชน์หรืองานการกุศล และไม่จ่ายผลกำไรให้สมาชิก
การจดทะเบียนและการกำกับดูแลทำผ่านกฎหมายไทย โดยส่วนใหญ่ขึ้นกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และข้อกำหนดการลงทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อคงสถานะเป็นนิติบุคคลที่มีสิทธิหน้าที่ทางกฎหมาย
มูลนิธิทั่วไปจะรับทรัพย์สินจากผู้บริจาคและมุ่งวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยมีทุนค้ำประกันเพื่อให้กิจกรรมดำเนินต่อได้ ขณะที่การสมาคมคือการรวมตัวของสมาชิกที่ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อวัตถุประสงค์ร่วมกัน โดยมีข้อบังคับและระเบียบภายใน
สำหรับการรับรองสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการระดมทุน ภาครัฐจะพิจารณาจากสถานะ Public Benefit Organization หรือองค์กรสาธารณะประโยชน์ และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูล การตรวจสอบบัญชี และการรายงานที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิงทางการ: Department of Provincial Administration - DOPA, Tax incentives และการลงทะเบียนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึง Krisdika ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อความกฎหมายที่ใช้บังคับในประเทศไทย
การระดมทุนและการบริจาคต่อองค์กรที่สาธารณประโยชน์มีเงื่อนไขด้านการให้สิทธิประโยชภาษีและการควบคุมการใช้งบประมาณที่โปร่งใส ซึ่งขึ้นกับการได้รับการยอมรับจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิงทางการ:
https://dopa.go.th,
https://www.rd.go.th,
https://www.krisdika.go.th,
https://www.pdpc.go.th
2. Why You May Need a Lawyer
คุณอาจต้องการทนายความเฉพาะด้านองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเมื่อเผชิญสถานการณ์จริงที่ซับซ้อนต่อไปนี้ ซึ่งมีรายละเอียดที่ควรตรวจสอบอย่างรอบคอบ
- ตั้งองค์กรใหม่เพื่อวัตถุประสงค์สาธารณะ เช่น มูลนิธิที่มุ่งพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ภาคเหนือ ทนายจะช่วยออกข้อบังคับ (charter) และระเบียบการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับ Civil and Commercial Code และข้อกำหนด DOPA
- ปรับโครงสร้างองค์กรจากการสมาคมเป็นมูลนิธิ หากมีทรัพย์สินระดมทุนและต้องการความมั่นคงในการบริหาร ทนายจะช่วยย้ายทรัพย์สินและจัดทำเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ในรูปแบบถูกต้อง
- ดำเนินการขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี การขอบัตรผู้มีสิทธิหักภาษีสำหรับผู้บริจาคขึ้นกับการได้รับสถานะองค์กรสาธารณะประโยชน์จากสำนักงานสรรพากร ซึ่งต้องเตรียมเอกสารและตรวจสอบเงื่อนไขอย่างละเอียด
- บริหารสัญญากับหน่วยงานรัฐและบริษัทภาครัฐ เช่น โครงการพัฒนาชุมชนที่ต้องทำสัญญา คำสัญญาและข้อกำหนดการติดตามผล ทนายช่วยเจรจาเงื่อนไขและตรวจสอบความกลมกลืนกับกฎหมาย
- การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตาม PDPA องค์กรต้องมีนโยบายความเป็นส่วนตัว เอกสารยินยอม และสัญญาคุมข้อมูลบุคคล
- กรณีข้อพิพาทสมาชิก ผู้บริจาค หรือผู้รับบริการ ทนายจะช่วยแก้ไขข้อพิพาท ตลอดจนวางกรอบการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตัวอย่างสถานการณ์จริงในประเทศไทยที่ชัดเจน เช่น องค์กรที่ต้องรับผิดชอบโครงการฟื้นฟูเด็กยากจนในชุมชน และต้องทำสัญญากับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อรับงบประมาณสนับสนุน ทนายจะช่วยด้านการตั้งกฎระเบียบ การเจรจาข้อตกลง และการตรวจสอบความเป็นไปตามกฎหมาย
แหล่งอ้างอิงทางการ: Krisdika, Department of Provincial Administration, Revenue Department
3. Local Laws Overview
ต่อไปนี้เป็นกฎหมายและข้อบังคับหลักที่ใช้งานกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในประเทศไทย
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (Civil and Commercial Code) มาตราที่เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งนิติบุคคล เช่น การสมาคมและมูลนิธิ รวมถึงข้อกำหนดด้านผู้แทนบริหาร ทรัพย์สิน และอำนาจของคณะกรรมการ
- พระราชบัญญัติลักษณะนิติบุคคล และมูลนิธิ บทบัญญัติที่คุมนิติบุคคลและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร เพื่อให้การดำเนินงานถูกต้องตามกฎหมาย
- ภาษีและข้อบังคับของกรมสรรพากร ตามประมวลรัษฎากร สำหรับองค์กรที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ ซึ่งอาจมีสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีจากการบริจาค
- พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) B.E. 2562 มีผลบังคับใช้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้บริจาค ผู้รับบริการ และผู้เข้าร่วมโครงการ
การอัปเดตกฎหมายและแนวโน้มล่าสุด:PDPA เป็นกรอบกฎหมายสำคัญที่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต้องปฏิบัติ โดยแพลตฟอร์มผู้ตรวจสอบข้อมูลและนโยบายความเป็นส่วนตัวมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การดำเนินงานขององค์กรสาธารณะประโยชน์ในประเทศไทยต้องคงความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสอดคล้องกับกฎหมายภาษี ณ ที่จ่ายและข้อมูลส่วนบุคคล
แหล่งอ้างอิงทางการ:
https://www.krisdika.go.th,
https://www.rd.go.th,
https://dopa.go.th,
https://www.pdpc.go.th
4. Frequently Asked Questions
What is the difference between a non-profit association and a foundation in Thailand?
การสมาคมเป็นการรวมตัวของสมาชิกที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน ในขณะที่มูลนิธิเป็นองค์กรที่มีทรัพย์สินหรือทุนสนับสนุนเพื่อวัตถุประสงค์สาธารณะมากขึ้น
How do I start a non-profit organization in Thailand?
ต้องเลือกโครงสร้าง (Association หรือ Foundation) เตรียมข้อบังคับ กรอบการบริหาร และทรัพย์สินเริ่มต้น ก่อนยื่นจดทะเบียนกับ DOPA
When do I need to hire a lawyer for setting up an NGO?
เมื่อโครงสร้างหรือสัญญาซับซ้อน หรือเมื่อขออนุมัติภาษี และเมื่อเตรียมข้อตกลงกับหน่วยงานรัฐ การมีทนายช่วยตรวจร่างสัญญาจะลดความเสี่ยงได้
Where should I file for registration of an NGO in Thailand?
การลงทะเบียนทำผ่าน Department of Provincial Administration หรือ DOPA ซึ่งดูแลการจดทะเบียนกิจการที่ไม่แสวงหาผลกำไร
Why is PDPA important for NGOs in Thailand?
PDPA กำหนดวิธีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลและการใช้งานที่ไม่เหมาะสม
Can a Thai NGO receive donations from abroad?
ได้ แต่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการรับบริจาคระหว่างประเทศและการตรวจสอบการใช้จ่าย รวมถึงการออกใบเสร็จรับบริจาคที่ถูกต้อง
Should I apply for tax-exemption status for donations?
ถ้าต้องการให้ผู้บริจาคได้รับสิทธิหักภาษี การขอสถานะองค์กรสาธารณประโยชน์จากกรมสรรพากรเป็นสิ่งที่แนะนำ
Do I need an audit for my NGO?
องค์กรขนาดใหญ่หรือที่มีทรัพย์สินสูงอาจต้องมีการตรวจสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และรายงานทางการเงินประจำปี
Is there a difference between a public benefit organization and a regular NGO?
องค์กรสาธารณะประโยชน์มีสิทธิประโยชน์ภาษีมากกว่า และมักถูกตรวจสอบการบริหารจัดการเพื่อความโปร่งใส
What documents are typically required to register a foundation?
ข้อกำหนดทั่วไปรวมถึงสำเนาบัตรประชาชนของผู้ก่อตั้ง บัญชีรายชื่อกรรมการ หนังสือมอบอำนาจ และข้อบังคับองค์กร
How long does the registration process take?
ปกติ 4-8 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับความครบถ้วนของเอกสารและการพิจารณาของ DOPA
What happens if I dissolve an NGO in Thailand?
ทรัพย์สินจะต้องถูกถ่ายโอนไปยังองค์กรที่มีวัตถุประสงค์สาธารณะประโยชน์อื่น หรือไปยังราชการตามกฎหมาย
5. Additional Resources
ด้านล่างเป็นแหล่งข้อมูลทางการที่คุณสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนและมีหลักฐานอ้างอิง
- Department of Provincial Administration (DOPA) หน่วยงานลงทะเบียนและดูแลมูลนิธิและการสมาคม พร้อมแนวทางการจัดตั้งและการตรวจสอบ
- The Revenue Department แนะนำสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาค และวิธีการออกใบเสร็จรับเงินให้ผู้บริจาค
- Krisdika แหล่งข้อมูลกฎหมายไทยที่เผยแพร่พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล
แหล่งอ้างอิงทางการ:
https://dopa.go.th,
https://www.rd.go.th,
https://www.krisdika.go.th
6. Next Steps
- ระบุวัตถุประสงค์และโครงสร้างองค์กร ตัดสินใจระหว่างการก่อตั้งเป็นมูลนิธิหรือการสมาคม และสรุปวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
- รวบรวมเอกสารพื้นฐาน ไฟล์บัตรประจำตัวกรรมการ หนังสือมอบอำนาจ หนังสือจำนำทรัพย์สิน และร่างข้อบังคับ
- คัดเลือกทนายความผู้มีประสบการณ์องค์กรการกุศล สอบถามกรณีศึกษาและขอวงเงินประมาณการค่าธรรมเนียม
- จัดทำกรอบความร่วมมือและค่าใช้จ่าย ทำสัญญาจ้างทนาย ลงรายละเอียดการบริการ และแผนการดำเนินการ
- เตรียมร่างเอกสารสำหรับการลงทะเบียน ตรวจทานร่างข้อบังคับ แผนงบประมาณ และอธิบายบทบาทกรรมการ
- ยื่นขอลงทะเบียนกับ DOPA ส่งเอกสารครบถ้วนและติดตามการพิจารณา (ประมาณ 4-8 สัปดาห์)
- ขอรับสถานะองค์กรสาธารณประโยชน์ ยื่นเอกสารประกอบการขอใบรับรองภาษีจากกรมสรรพากร (หากต้องการสิทธิประโยชน์)
- จัดทำกรอบความโปร่งใสและการปฏิบัติตาม PDPA กำหนดนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการประเมินความเสี่ยงด้านข้อมูล
Lawzana ช่วยคุณค้นหาทนายความและสำนักงานกฎหมายที่ดีที่สุด ใน ประเทศไทย ผ่านรายชื่อผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่คัดสรรและตรวจสอบล่วงหน้า แพลตฟอร์มของเรานำเสนอการจัดอันดับและโปรไฟล์โดยละเอียดของทนายความและสำนักงานกฎหมาย ช่วยให้คุณเปรียบเทียบตามสาขากฎหมาย รวมถึง องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและองค์กรการกุศล ประสบการณ์ และความคิดเห็นของลูกค้า
แต่ละโปรไฟล์ประกอบด้วยคำอธิบายเกี่ยวกับสาขากฎหมายของสำนักงาน รีวิวจากลูกค้า สมาชิกในทีมและหุ้นส่วน ปีที่ก่อตั้ง ภาษาที่พูด ที่ตั้งสำนักงาน ข้อมูลการติดต่อ การมีตัวตนบนโซเชียลมีเดีย และบทความหรือแหล่งข้อมูลที่เผยแพร่ สำนักงานส่วนใหญ่บนแพลตฟอร์มของเราพูดภาษาอังกฤษและมีประสบการณ์ทั้งในเรื่องกฎหมายท้องถิ่นและระหว่างประเทศ
ขอใบเสนอราคาจากสำนักงานกฎหมายชั้นนำ ใน ประเทศไทย — รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่ยุ่งยาก
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
ข้อมูลที่ให้ไว้ในหน้านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย แม้ว่าเราจะพยายามตรวจสอบความถูกต้องและความเกี่ยวข้องของเนื้อหา แต่ข้อมูลทางกฎหมายอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และการตีความกฎหมายอาจแตกต่างกันไป คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะสำหรับสถานการณ์ของคุณเสมอ
เราปฏิเสธความรับผิดทั้งหมดสำหรับการกระทำที่ทำหรือไม่ทำตามเนื้อหาในหน้านี้ หากคุณเชื่อว่าข้อมูลใดไม่ถูกต้องหรือล้าสมัย โปรด contact us และเราจะตรวจสอบและแก้ไขตามความเหมาะสม
