ข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศ เริ่มอย่างไรดีสำหรับธุรกิจไทย Thailand

อัปเดตเมื่อ Dec 20, 2025
  • เมื่อเกิดข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจไทยควรเริ่มจากการตรวจสัญญา โดยเฉพาะเงื่อนไขกฎหมายที่ใช้บังคับ (governing law) และข้อกำหนดเรื่องศาลหรืออนุญาโตตุลาการ
  • การรวบรวมหลักฐานอย่างเป็นระบบ เช่น สัญญา ใบกำกับสินค้า หลักฐานการชำระเงิน และการสื่อสาร เป็นกุญแจสำคัญต่อทั้งการเจรจาและการดำเนินคดี
  • การเลือกใช้อนุญาโตตุลาการ ศาลไทย หรือศาลต่างประเทศ ต้องพิจารณาจากสัญญา ค่าดำเนินการ ความเร็ว และโอกาสบังคับคดีในประเทศที่คู่ค้าตั้งอยู่
  • การบังคับคดีในต่างประเทศและการตามหาทรัพย์สินของคู่หนี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในประเทศนั้น และควรวางแผนตั้งแต่ก่อนเริ่มฟ้องคดีหรือเริ่มอนุญาโตตุลาการ
  • การปรึกษาทนายความด้านการค้าระหว่างประเทศตั้งแต่ต้นช่วยลดความเสี่ยง พัฒนาแผนกลยุทธ์ และเพิ่มโอกาสในการเจรจายุติข้อพิพาทโดยไม่ต้องเสียเวลายืดเยื้อ

ข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศสำหรับธุรกิจไทย: ต้องเริ่มอย่างไร?

เมื่อคู่ค้าต่างชาติไม่ชำระเงินหรือไม่ส่งมอบสินค้า ธุรกิจไทยไม่ควรรีบร้อน "ฟ้องก่อนคิด" แต่ควรเริ่มจากการอ่านสัญญาให้ชัด รวบรวมหลักฐาน และประเมินตัวเลือกทางกฎหมายที่มีอยู่ทั้งในไทยและต่างประเทศก่อนตัดสินใจ. ขั้นตอนที่เป็นระบบตั้งแต่แรกจะช่วยให้คุณวางกลยุทธ์ที่คุ้มค่า และไม่เสียเปรียบในเวทีระหว่างประเทศ.

บทความนี้เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการ ผู้บริหารฝ่ายขาย/ส่งออก ฝ่ายต่างประเทศ และทีมกฎหมายของบริษัทไทยที่มีข้อพิพาทกับคู่ค้าต่างชาติ. เราจะพาไปทีละขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสัญญา การเก็บหลักฐาน การเลือกช่องทางระงับข้อพิพาท ไปจนถึงการบังคับคดีในต่างประเทศ และจุดที่ควรดึงทนายความเข้ามาช่วย.

  • ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสัญญาและ governing law
  • ขั้นตอนที่ 2: รวบรวมหลักฐานสำคัญทั้งหมด
  • ขั้นตอนที่ 3: ประเมินว่าจะใช้การเจรจา อนุญาโตตุลาการ หรือศาลใด
  • ขั้นตอนที่ 4: วางแผนการบังคับคดีและติดตามทรัพย์สินในประเทศคู่ค้า
  • ขั้นตอนที่ 5: ปรึกษาทนายความการค้าระหว่างประเทศเพื่อออกแบบกลยุทธ์

1. เมื่อลูกค้าต่างชาติผิดสัญญา ต้องตรวจสัญญาและ governing law อย่างไร?

ขั้นแรกให้หยิบสัญญาหรือเอกสารตกลงซื้อขายขึ้นมาตรวจดูโดยละเอียด โดยเน้นสามจุดหลักคือ (1) กฎหมายที่ใช้บังคับสัญญา (governing law) (2) ศาลหรืออนุญาโตตุลาการที่มีอำนาจ (jurisdiction/dispute resolution clause) และ (3) เงื่อนไขการส่งมอบและการชำระเงิน. ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นกรอบกำหนดว่าคุณควรใช้กฎหมายประเทศใด และควรเริ่มกระบวนการที่ไหน.

ในหลายกรณี สัญญาการค้าระหว่างประเทศไม่ได้มาในรูปแบบ "สัญญาฉบับยาว" แต่อาจอยู่ในใบเสนอราคา เงื่อนไขด้านหลังใบสั่งซื้อ (PO) หรืออีเมลที่ยืนยันข้อตกลง. คุณจึงควรตรวจทุกเอกสารที่เคยใช้เจรจากับคู่ค้า ไม่ใช่เฉพาะไฟล์ที่ชื่อว่า "Contract".

  • ตรวจหาข้อกำหนด governing law เช่น "This contract shall be governed by the laws of Thailand/Singapore/England". กฎหมายที่ระบุไว้จะมีผลต่ออายุความ สิทธิเรียกร้อง และวิธีตีความสัญญา.
  • ตรวจข้อกำหนดศาลหรืออนุญาโตตุลาการ เช่น "All disputes shall be referred to arbitration in Singapore" หรือ "The courts of Thailand shall have exclusive jurisdiction". ข้อนี้บอกว่าคุณควรไปที่ศาลหรือสถาบันใด.
  • ตรวจเงื่อนไขการส่งมอบ (เช่น Incoterms) และเงื่อนไขการชำระเงิน เพื่อดูว่าคู่ค้าผิดตรงไหน เช่น ส่งล่าช้า ไม่ซื้อประกันสินค้า ไม่เปิด L/C ตามกำหนด.
  • ดูข้อกำหนดเรื่องการแจ้งผิดสัญญาและระยะเวลา บางสัญญากำหนดให้ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรภายในกี่วัน มิฉะนั้นอาจถือว่าสละสิทธิ์.

หากสัญญาไม่ได้ระบุ governing law หรือไม่ชัดเจน การกำหนดว่ากฎหมายประเทศใดใช้บังคับอาจซับซ้อน และต้องให้ทนายช่วยวิเคราะห์จากข้อเท็จจริง เช่น ที่อยู่ของคู่สัญญา สถานที่ส่งมอบ หรือสถานที่ชำระเงิน.

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • ถ้าไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเลย แต่มีแค่ PO และอีเมล จะถือว่าเป็นสัญญาหรือไม่?
  • ถ้าสัญญาเลือกใช้กฎหมายต่างประเทศ แต่เราเป็นผู้ประกอบการไทย จะยังไปฟ้องศาลไทยได้หรือไม่?

2. ต้องรวบรวมหลักฐานอะไรบ้างก่อนคุยกับทนายหรือคู่ค้า?

หลังจากตรวจสัญญาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนและเป็นระบบ เพราะหลักฐานเหล่านี้จะเป็นทั้ง "อาวุธ" ในการเจรจา และเป็น "ฐานข้อมูล" สำหรับทนายความหากต้องดำเนินคดีหรืออนุญาโตตุลาการ. ยิ่งเตรียมหลักฐานดีเท่าไร โอกาสต่อรองและโอกาสชนะคดียิ่งสูงขึ้น.

ควรจัดเก็บเอกสารทั้งหมดในโฟลเดอร์เดียว (ทั้งไฟล์เอกสารและไฟล์ภาพหน้าจอ) และตั้งชื่อไฟล์ให้ดูออกว่าเป็นหลักฐานใด เพื่อให้ทีมภายในและทนายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว.

Checklist หลักฐานสำคัญ

  • เอกสารสัญญาและเงื่อนไขทางการค้า
    • สัญญาซื้อขาย (หากมี)
    • ใบเสนอราคา (Quotation), ใบสั่งซื้อ (PO), ใบยืนยันคำสั่งซื้อ
    • เงื่อนไขด้านหลังอินวอยซ์ หรือเอกสาร standard terms ของคู่ค้า
  • เอกสารการส่งมอบสินค้า
    • ใบกำกับสินค้า (Invoice)
    • ใบตราส่งสินค้าทางเรือ (B/L), ใบตราส่งทางอากาศ (AWB)
    • Packing list, Certificate of Origin, ใบรับรองคุณภาพ (ถ้ามี)
    • หลักฐานการจองเรือ/จองตู้คอนเทนเนอร์
  • เอกสารการชำระเงิน
    • สลิปโอนเงิน SWIFT, หลักฐานการรับเงินจากธนาคาร
    • สำเนา L/C หรือเอกสารที่ธนาคารปฏิเสธ
    • Statement บัญชีที่แสดงการรับ-จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า
  • หลักฐานการสื่อสาร
    • อีเมลพูดคุยการเจรจา การร้องเรียน การผิดนัด หรือการยอมรับผิด
    • แชต LINE, WeChat, WhatsApp หรือแพลตฟอร์มอื่น (ควรจับภาพหน้าจอและ Export เป็นไฟล์)
    • จดหมายทวงถาม หรือหนังสือแจ้งข้อมูลอย่างเป็นทางการ (ถ้ามี)
  • หลักฐานความเสียหาย
    • ค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่น ค่าคลังสินค้า ค่าปรับจากลูกค้าปลายทาง
    • ใบเสนอราคาซื้อหรือขายสินค้าทดแทน
    • รายงานการตรวจสอบสินค้าที่เสียหาย

เมื่อเตรียมหลักฐานครบแล้ว คุณสามารถส่งให้ทนายพิจารณาเบื้องต้นได้ เพื่อให้ได้ภาพรวมของโอกาสในคดีและแนวทางการเจรจา โดยมักใช้เวลาและค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเริ่มดำเนินคดีทันที.

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • จำเป็นต้องแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาของคู่ค้าก่อนส่งให้ทนายหรือไม่?
  • หลักฐานแชตหรือข้อความในโซเชียลมีเดียสามารถใช้ในคดีต่างประเทศได้หรือไม่?

3. จะเลือกใช้อนุญาโตตุลาการ ศาลไทย หรือศาลต่างประเทศอย่างไร?

การเลือกใช้ช่องทางระงับข้อพิพาทควรเริ่มจากการเช็กข้อกำหนดในสัญญา หากมีระบุชัดว่าต้องใช้อนุญาโตตุลาการหรือศาลประเทศใด โดยหลักแล้วควรเคารพตามนั้น. หากสัญญาไม่ได้ระบุ ช่องทางที่เหมาะสมต้องดูจากจำนวนหนี้ สถานที่ตั้งทรัพย์สินของคู่ค้า ค่าใช้จ่าย เวลา และโอกาสบังคับคดีในประเทศปลายทาง.

สำหรับธุรกิจไทย การใช้อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (เช่น ที่สิงคโปร์ ฮ่องกง หรือศูนย์อนุญาโตตุลาการในไทย) มักเป็นตัวเลือกที่สมดุลระหว่างความเป็นกลางและความสะดวกในการบังคับคดี แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเจรจาหรือไกล่เกลี่ย.

เปรียบเทียบช่องทางหลัก

ช่องทาง ข้อดี ข้อควรระวัง
ศาลไทย
  • สะดวกสำหรับธุรกิจไทย ใช้ภาษาไทย
  • ค่าใช้จ่ายโดยรวมมักต่ำกว่าอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
  • คู่ความสามารถใช้ระบบอุทธรณ์ได้
  • การบังคับคำพิพากษาในต่างประเทศอาจทำได้ยากหรือไม่ได้เลย ต้องดูตามกฎหมายของประเทศนั้น
  • คู่ค้าต่างชาติอาจมองว่าไม่เป็นกลาง หากสัญญาไม่ได้ตกลงไว้
ศาลต่างประเทศ
  • มักสอดคล้องกับสัญญาที่ให้ใช้กฎหมายและศาลของประเทศคู่ค้า
  • โอกาสบังคับคดีต่อทรัพย์สินในประเทศนั้นสูง
  • ค่าใช้จ่ายสูง ต้องจ้างทนายท้องถิ่นและอาจต้องเดินทาง
  • ความแตกต่างด้านภาษาและกฎหมาย ทำให้ต้องอาศัยทนายไทยช่วยประสาน
อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
  • มีความเป็นกลาง เลือกกฎหมายและสถานที่พิจารณาได้
  • คำชี้ขาดมักบังคับคดีได้ในหลายประเทศที่เป็นภาคีอนุสัญญานิวยอร์ก
  • กระบวนการมักรวดเร็วกว่าศาลปกติ
  • ค่าธรรมเนียมสถาบันและค่าตอบแทนอนุญาโตตุลาการอาจสูง
  • โดยทั่วไปไม่มีการอุทธรณ์ผล ต้องมั่นใจในกลยุทธ์ตั้งแต่ต้น

ในไทยเองมีสถาบันด้านอนุญาโตตุลาการที่ผู้ประกอบการสามารถใช้บริการได้ เช่น สถาบันอนุญาโตตุลาการภายใต้หอการค้าไทย หรือศูนย์อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ. การเลือกใช้ศูนย์ใดและรูปแบบใดควรหารือกับทนายความที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยเฉพาะ.

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • ถ้าสัญญากำหนดอนุญาโตตุลาการที่ต่างประเทศ เราจะเปลี่ยนมาใช้ศาลไทยได้หรือไม่?
  • ค่าธรรมเนียมอนุญาโตตุลาการโดยประมาณอยู่ที่ระดับใดเมื่อเทียบกับมูลค่าข้อพิพาท?

4. ชนะคดีแล้วจะบังคับคดีในต่างประเทศและติดตามทรัพย์สินได้อย่างไร?

การชนะคดีหรือได้รับคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการไม่ใช่จุดจบของข้อพิพาท หากคู่ค้าต่างชาติยังไม่ยอมจ่ายเงิน คุณจำเป็นต้องดำเนินการบังคับคดีในประเทศที่เขามีทรัพย์สิน. ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยทนายความในประเทศปลายทางและอาจใช้เวลาและค่าใช้จ่ายพอสมควร.

การวางแผนเรื่องการบังคับคดีควรเริ่มตั้งแต่ก่อนฟ้องหรือก่อนเริ่มอนุญาโตตุลาการ โดยประเมินว่า "หากชนะแล้ว จะไปบังคับที่ไหน และมีทรัพย์สินอะไรให้ยึดได้บ้าง".

หลักการทั่วไปในการบังคับคดีข้ามประเทศ

  • สำรวจทรัพย์สินของคู่หนี้
    • บัญชีธนาคารในประเทศคู่ค้า หรือประเทศที่สาม
    • โกดังสินค้า สำนักงาน หรือทรัพย์สินถาวร
    • ลูกหนี้การค้าอื่นที่ติดค้างชำระให้บริษัทคู่ค้า
  • พิจารณากฎหมายของประเทศที่ต้องการบังคับคดี
    • บางประเทศรับรองและบังคับคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศได้ง่ายกว่าคำพิพากษาศาลต่างประเทศ
    • ในบางระบบกฎหมายอาจต้อง "ฟ้องใหม่" โดยใช้คำพิพากษาหรือคำชี้ขาดเดิมเป็นหลักฐาน
  • ร่วมงานกับทีมทนายข้ามประเทศ
    • ทนายไทยช่วยอธิบายข้อเท็จจริง เอกสาร และประสานกับฝั่งต่างประเทศ
    • ทนายในประเทศปลายทางเป็นผู้ยื่นคำร้องและดำเนินกระบวนการตามกฎหมายของเขา

ในทางปฏิบัติ การบังคับคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศมักมีความเป็นไปได้สูงกว่า เพราะมีกรอบอนุสัญญาระหว่างประเทศรองรับ. อย่างไรก็ดี รายละเอียดในแต่ละประเทศแตกต่างกัน ธุรกิจไทยจึงควรขอคำแนะนำเฉพาะกรณี และอาจศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจากหน่วยงานของไทย เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือข้อมูลกระบวนการศาลจาก สำนักงานศาลยุติธรรม.

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • หากคู่ค้าต่างชาติไม่มีทรัพย์สินเหลืออยู่เลย ยังมีเหตุผลให้ดำเนินคดีต่อหรือไม่?
  • ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะบังคับคดีในต่างประเทศสำเร็จในทางปฏิบัติ?

5. ทำไมธุรกิจไทยควรปรึกษาทนายความการค้าระหว่างประเทศตั้งแต่ต้น?

การปรึกษาทนายความตั้งแต่เริ่มเกิดปัญหา ช่วยให้คุณไม่ "เดินผิดทาง" เช่น ส่งหนังสือทวงถามผิดวิธี ทำให้เสียสิทธิ์ตามสัญญา หรือเลือกฟ้องในศาลที่บังคับคดีได้ยาก. ทนายที่เชี่ยวชาญจะช่วยประเมินความเสี่ยง วางแผนเจรจา และออกแบบกลยุทธ์การดำเนินคดีให้เหมาะกับงบประมาณและเป้าหมายธุรกิจ.

สำหรับธุรกิจที่ส่งออกหรือทำการค้าระหว่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ การมี "ที่ปรึกษากฎหมายประจำ" ช่วยตรวจสัญญาและเงื่อนไขตั้งแต่ก่อนตกลง ทำให้ลดโอกาสเกิดข้อพิพาทในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ.

ประโยชน์ของการมีทนายความการค้าระหว่างประเทศตั้งแต่ต้น

  • ปกป้องสิทธิและลดความเสี่ยงด้านอายุความ

    ในบางกฎหมาย การเรียกร้องค่าเสียหายจากการขายสินค้ามีอายุความสั้น อาจเพียง 1-2 ปี หากรอนานเกินไปอาจหมดสิทธิ์ฟ้องทั้งที่มีหลักฐานครบถ้วน.

  • ช่วยวางกลยุทธ์เจรจาก่อนขึ้นศาล

    การส่งหนังสือทวงถาม การเสนอผ่อนชำระ หรือการตั้งเงื่อนไขยุติข้อพิพาท ควรออกแบบให้เหมาะสมกับเป้าหมาย เช่น เน้นได้เงินคืนเร็วที่สุด หรือเน้นรักษาความสัมพันธ์ทางการค้า.

  • เลือกเวทีและกฎหมายที่เป็นประโยชน์

    หากสัญญายังไม่ลงนามหรือยังแก้ไขได้ ทนายอาจแนะนำให้เลือกกฎหมายและศาล/อนุญาโตตุลาการที่เหมาะสมต่อการบังคับคดีในอนาคต.

  • ลดภาระฝ่ายบริหารและทีมขาย

    ให้ผู้บริหารและทีมขายโฟกัสที่การดำเนินธุรกิจ ขณะที่ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายดูแลข้อพิพาทและการติดต่อกับทนายต่างประเทศ.

คำถามติดตามที่พบบ่อย

  • ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการปรึกษาทนายความการค้าระหว่างประเทศโดยทั่วไปอยู่ในระดับใด?
  • ธุรกิจ SME ขนาดเล็กควรเริ่มจากการขอคำปรึกษาแบบครั้งเดียว หรือทำ retainer รายเดือน?

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศของธุรกิจไทย

  • เข้าใจผิดว่า "ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ฟ้องไม่ได้"

    ในความเป็นจริง การโต้ตอบทางอีเมล PO อินวอยซ์ และการส่งมอบสินค้าสามารถพิสูจน์การมีอยู่ของสัญญาได้ในหลายระบบกฎหมาย.

  • คิดว่าชนะคดีในไทยแล้วจะยึดทรัพย์ในต่างประเทศได้ทันที

    การบังคับคำพิพากษาในต่างประเทศมีกฎเกณฑ์ของแต่ละประเทศ ไม่ใช่ทุกประเทศจะรับรองคำพิพากษาศาลไทยโดยอัตโนมัติ.

  • มองว่าการใช้อนุญาโตตุลาการแพงเกินไปเสมอ

    แม้อนุญาโตตุลาการจะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่า แต่ในบางกรณีอาจคุ้มค่าเพราะเร็วกว่าศาล และคำชี้ขาดบังคับได้ในหลายประเทศ ลดความเสี่ยงต้องฟ้องซ้ำหลายที่.

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

หากคู่ค้าต่างชาติไม่ตอบอีเมลหรือปิดบริษัทหนี ควรเริ่มจากอะไร?

เริ่มจากรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบสถานะนิติบุคคลของคู่ค้าในประเทศของเขา และปรึกษาทนายเพื่อประเมินว่ามีทรัพย์สินเหลือให้บังคับคดีหรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุนลงแรงในกระบวนการกฎหมาย.

จำเป็นต้องบินไปต่างประเทศทุกครั้งหากมีคดีต่างประเทศหรืออนุญาโตตุลาการหรือไม่?

ไม่จำเป็นเสมอไป ปัจจุบันหลายศาลและสถาบันอนุญาโตตุลาการรองรับการพิจารณาทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ผู้บริหารอาจต้องไปเฉพาะในจุดสำคัญบางครั้งเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ทนายจะเป็นผู้ดำเนินการแทน.

ควรเริ่มจากการเจรจาไกล่เกลี่ยก่อนหรือยื่นฟ้อง/อนุญาโตตุลาการก่อน?

มักควรเริ่มจากการเจรจาและไกล่เกลี่ยก่อน โดยส่งหนังสือทวงถามอย่างเป็นทางการและกำหนดเส้นตายที่ชัดเจน ขณะเดียวกันต้องระวังไม่ให้ล่าช้าจนอายุความขาด จึงควรขอคำแนะนำด้านกฎหมายควบคู่กันไป.

ธุรกิจไทยสามารถใช้กฎหมายไทยเป็น governing law ในการค้ากับต่างชาติได้หรือไม่?

โดยหลักแล้วคู่สัญญาสามารถตกลงเลือกใช้กฎหมายไทยได้ หากคู่ค้าเห็นด้วย ข้อกำหนดนี้ควรถูกใส่ไว้ชัดเจนในสัญญา และควรกำหนดศาลหรืออนุญาโตตุลาการที่เหมาะสมควบคู่กันไป.

กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่เริ่มทวงถามจนถึงบังคับคดีใช้เวลานานแค่ไหน?

ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและประเทศที่เกี่ยวข้อง บางกรณีเจรจายุติได้ภายในไม่กี่เดือน แต่หากต้องผ่านศาลหรืออนุญาโตตุลาการและบังคับคดีในต่างประเทศอาจใช้เวลา 1-3 ปีหรือมากกว่านั้น.

เมื่อไหร่ควรจ้างทนายความ และขั้นตอนต่อไป

เมื่อไหร่ควรจ้างทนายความการค้าระหว่างประเทศ?

ควรปรึกษาทนายทันทีที่คู่ค้าต่างชาติเริ่มมีสัญญาณผิดปกติ เช่น ชำระเงินล่าช้า ขอเลื่อนการรับของหลายครั้ง หรือเริ่มโต้แย้งคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะเมื่อมูลค่าข้อพิพาทเริ่มสูงจนกระทบสภาพคล่องธุรกิจ. หากคู่ค้าเริ่มปฏิเสธความรับผิดหรือหยุดตอบติดต่อ นั่นคือสัญญาณชัดเจนว่าควรให้ทนายเข้ามาจัดการแทน.

นอกจากนี้ หากคุณกำลังเจรจาสัญญาฉบับใหม่ที่มีมูลค่าสูง หรือจะขยายตลาดไปประเทศใหม่ การให้ทนายช่วยตรวจเงื่อนไขสัญญาก่อนลงนามจะช่วยลดโอกาสเกิดข้อพิพาทในอนาคตได้มาก.

ขั้นตอนต่อไปสำหรับธุรกิจไทยที่มีข้อพิพาทกับคู่ค้าต่างชาติ

  1. รวบรวมข้อมูลเบื้องต้น

    จดบันทึกข้อเท็จจริงวันต่อวันว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เก็บสัญญา เอกสารการส่งมอบ การชำระเงิน และการสื่อสารให้ครบ.

  2. ตรวจสัญญาและประเมินความเสี่ยงภายใน

    ให้ทีมภายในอ่าน governing law ข้อกำหนดศาล/อนุญาโตตุลาการ และคำนวณความเสียหายโดยประมาณ.

  3. นัดหมายปรึกษาทนายความการค้าระหว่างประเทศ

    เตรียมส่งเอกสารทั้งหมดให้ทนายตรวจล่วงหน้า เพื่อใช้เวลาในการปรึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

  4. กำหนดกลยุทธ์ร่วมกัน

    ตัดสินใจร่วมกับทนายว่าจะเริ่มจากการเจรจา การส่งหนังสือทวงถาม การไกล่เกลี่ย หรือเตรียมยื่นฟ้อง/อนุญาโตตุลาการ.

  5. ติดตามและประเมินผลเป็นระยะ

    ประเมินค่าใช้จ่ายและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับเป็นระยะ ปรับกลยุทธ์หากพบข้อจำกัดเรื่องเวลา งบประมาณ หรือการบังคับคดีในต่างประเทศ.

หากคุณกำลังเผชิญข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศ การได้รับคำแนะนำจากทนายความที่มีประสบการณ์ในข้อพิพาทข้ามแดนและการระงับข้อพิพาททางเลือก (ADR) จะช่วยให้คุณตัดสินใจบนข้อมูลที่ครบถ้วน ลดความเสี่ยง และปกป้องผลประโยชน์ของธุรกิจไทยในระยะยาว.

บทความที่คล้ายกัน

ประเทศไทย Dec 11, 2025

แก้ข้อพิพาทแรงงานในองค์กรอย่างไรให้จบดีใน Thailand

ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานภายในองค์กรในไทย: ขั้นตอนและเทคนิคปฏิบัติ การตั้ง "นโยบายไกล่เกลี่ยภายในองค์กร" ที่ชัดเ...

อ่านบทความ
ประเทศไทย Dec 11, 2025

ถูกสอบสวนกฎหมายแข่งขันทางการค้าใน Thailand ทำไงดี

หากได้รับหนังสือสอบสวนหรือถูก "บุกตรวจ" (dawn raid) ภายใต้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า นายจ้างและผู้บริหารต้องตอบสน...

อ่านบทความ
ประเทศไทย Dec 11, 2025

ทำสัญญาธุรกิจอย่างไรไม่เสียเปรียบ ในไทย (Thailand)

สัญญาธุรกิจในไทยที่ดีควรระบุคู่สัญญา ขอบเขตงาน ราคา/การชำระเงิน ระยะเวลา ความรับผิด และวิธีระงับข้อพิพาทให้ชัด เ...

อ่านบทความ

ต้องการคำแนะนำทางกฎหมาย?

เชื่อมต่อกับทนายความที่มีประสบการณ์ในพื้นที่ของคุณเพื่อรับคำแนะนำส่วนบุคคล

ไม่มีข้อผูกมัดในการจ้าง บริการฟรี 100%

เชื่อมต่อกับทนายความผู้เชี่ยวชาญ

รับคำแนะนำทางกฎหมายส่วนบุคคลจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการตรวจสอบในพื้นที่ของคุณ

SB Law Asia Logo
SB Law Asia
กรุงเทพมหานคร
ตั้งแต่ปี 2014
ทนายความ 9 คน
ฟรี 30 minutes
คดีความและข้อพิพาท ธุรกิจ กฎหมายบริษัทและการค้า +1 เพิ่มเติม
โทรเลย

ทนายความทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบพร้อมประวัติการทำงานที่พิสูจน์ได้

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
ข้อมูลที่ให้ไว้ในหน้านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย แม้ว่าเราจะพยายามตรวจสอบความถูกต้องและความเกี่ยวข้องของเนื้อหา แต่ข้อมูลทางกฎหมายอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และการตีความกฎหมายอาจแตกต่างกันไป คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะสำหรับสถานการณ์ของคุณเสมอ

เราปฏิเสธความรับผิดทั้งหมดสำหรับการกระทำที่ทำหรือไม่ทำตามเนื้อหาในหน้านี้ หากคุณเชื่อว่าข้อมูลใดไม่ถูกต้องหรือล้าสมัย โปรด ติดต่อเรา และเราจะตรวจสอบและแก้ไขตามความเหมาะสม