- เมื่อเกิดข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจไทยควรเริ่มจากการตรวจสัญญา โดยเฉพาะเงื่อนไขกฎหมายที่ใช้บังคับ (governing law) และข้อกำหนดเรื่องศาลหรืออนุญาโตตุลาการ
- การรวบรวมหลักฐานอย่างเป็นระบบ เช่น สัญญา ใบกำกับสินค้า หลักฐานการชำระเงิน และการสื่อสาร เป็นกุญแจสำคัญต่อทั้งการเจรจาและการดำเนินคดี
- การเลือกใช้อนุญาโตตุลาการ ศาลไทย หรือศาลต่างประเทศ ต้องพิจารณาจากสัญญา ค่าดำเนินการ ความเร็ว และโอกาสบังคับคดีในประเทศที่คู่ค้าตั้งอยู่
- การบังคับคดีในต่างประเทศและการตามหาทรัพย์สินของคู่หนี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในประเทศนั้น และควรวางแผนตั้งแต่ก่อนเริ่มฟ้องคดีหรือเริ่มอนุญาโตตุลาการ
- การปรึกษาทนายความด้านการค้าระหว่างประเทศตั้งแต่ต้นช่วยลดความเสี่ยง พัฒนาแผนกลยุทธ์ และเพิ่มโอกาสในการเจรจายุติข้อพิพาทโดยไม่ต้องเสียเวลายืดเยื้อ
ข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศสำหรับธุรกิจไทย: ต้องเริ่มอย่างไร?
เมื่อคู่ค้าต่างชาติไม่ชำระเงินหรือไม่ส่งมอบสินค้า ธุรกิจไทยไม่ควรรีบร้อน "ฟ้องก่อนคิด" แต่ควรเริ่มจากการอ่านสัญญาให้ชัด รวบรวมหลักฐาน และประเมินตัวเลือกทางกฎหมายที่มีอยู่ทั้งในไทยและต่างประเทศก่อนตัดสินใจ. ขั้นตอนที่เป็นระบบตั้งแต่แรกจะช่วยให้คุณวางกลยุทธ์ที่คุ้มค่า และไม่เสียเปรียบในเวทีระหว่างประเทศ.
บทความนี้เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการ ผู้บริหารฝ่ายขาย/ส่งออก ฝ่ายต่างประเทศ และทีมกฎหมายของบริษัทไทยที่มีข้อพิพาทกับคู่ค้าต่างชาติ. เราจะพาไปทีละขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสัญญา การเก็บหลักฐาน การเลือกช่องทางระงับข้อพิพาท ไปจนถึงการบังคับคดีในต่างประเทศ และจุดที่ควรดึงทนายความเข้ามาช่วย.
- ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสัญญาและ governing law
- ขั้นตอนที่ 2: รวบรวมหลักฐานสำคัญทั้งหมด
- ขั้นตอนที่ 3: ประเมินว่าจะใช้การเจรจา อนุญาโตตุลาการ หรือศาลใด
- ขั้นตอนที่ 4: วางแผนการบังคับคดีและติดตามทรัพย์สินในประเทศคู่ค้า
- ขั้นตอนที่ 5: ปรึกษาทนายความการค้าระหว่างประเทศเพื่อออกแบบกลยุทธ์
1. เมื่อลูกค้าต่างชาติผิดสัญญา ต้องตรวจสัญญาและ governing law อย่างไร?
ขั้นแรกให้หยิบสัญญาหรือเอกสารตกลงซื้อขายขึ้นมาตรวจดูโดยละเอียด โดยเน้นสามจุดหลักคือ (1) กฎหมายที่ใช้บังคับสัญญา (governing law) (2) ศาลหรืออนุญาโตตุลาการที่มีอำนาจ (jurisdiction/dispute resolution clause) และ (3) เงื่อนไขการส่งมอบและการชำระเงิน. ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นกรอบกำหนดว่าคุณควรใช้กฎหมายประเทศใด และควรเริ่มกระบวนการที่ไหน.
ในหลายกรณี สัญญาการค้าระหว่างประเทศไม่ได้มาในรูปแบบ "สัญญาฉบับยาว" แต่อาจอยู่ในใบเสนอราคา เงื่อนไขด้านหลังใบสั่งซื้อ (PO) หรืออีเมลที่ยืนยันข้อตกลง. คุณจึงควรตรวจทุกเอกสารที่เคยใช้เจรจากับคู่ค้า ไม่ใช่เฉพาะไฟล์ที่ชื่อว่า "Contract".
- ตรวจหาข้อกำหนด governing law เช่น "This contract shall be governed by the laws of Thailand/Singapore/England". กฎหมายที่ระบุไว้จะมีผลต่ออายุความ สิทธิเรียกร้อง และวิธีตีความสัญญา.
- ตรวจข้อกำหนดศาลหรืออนุญาโตตุลาการ เช่น "All disputes shall be referred to arbitration in Singapore" หรือ "The courts of Thailand shall have exclusive jurisdiction". ข้อนี้บอกว่าคุณควรไปที่ศาลหรือสถาบันใด.
- ตรวจเงื่อนไขการส่งมอบ (เช่น Incoterms) และเงื่อนไขการชำระเงิน เพื่อดูว่าคู่ค้าผิดตรงไหน เช่น ส่งล่าช้า ไม่ซื้อประกันสินค้า ไม่เปิด L/C ตามกำหนด.
- ดูข้อกำหนดเรื่องการแจ้งผิดสัญญาและระยะเวลา บางสัญญากำหนดให้ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรภายในกี่วัน มิฉะนั้นอาจถือว่าสละสิทธิ์.
หากสัญญาไม่ได้ระบุ governing law หรือไม่ชัดเจน การกำหนดว่ากฎหมายประเทศใดใช้บังคับอาจซับซ้อน และต้องให้ทนายช่วยวิเคราะห์จากข้อเท็จจริง เช่น ที่อยู่ของคู่สัญญา สถานที่ส่งมอบ หรือสถานที่ชำระเงิน.
คำถามติดตามที่พบบ่อย
- ถ้าไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเลย แต่มีแค่ PO และอีเมล จะถือว่าเป็นสัญญาหรือไม่?
- ถ้าสัญญาเลือกใช้กฎหมายต่างประเทศ แต่เราเป็นผู้ประกอบการไทย จะยังไปฟ้องศาลไทยได้หรือไม่?
2. ต้องรวบรวมหลักฐานอะไรบ้างก่อนคุยกับทนายหรือคู่ค้า?
หลังจากตรวจสัญญาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนและเป็นระบบ เพราะหลักฐานเหล่านี้จะเป็นทั้ง "อาวุธ" ในการเจรจา และเป็น "ฐานข้อมูล" สำหรับทนายความหากต้องดำเนินคดีหรืออนุญาโตตุลาการ. ยิ่งเตรียมหลักฐานดีเท่าไร โอกาสต่อรองและโอกาสชนะคดียิ่งสูงขึ้น.
ควรจัดเก็บเอกสารทั้งหมดในโฟลเดอร์เดียว (ทั้งไฟล์เอกสารและไฟล์ภาพหน้าจอ) และตั้งชื่อไฟล์ให้ดูออกว่าเป็นหลักฐานใด เพื่อให้ทีมภายในและทนายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว.
Checklist หลักฐานสำคัญ
- เอกสารสัญญาและเงื่อนไขทางการค้า
- สัญญาซื้อขาย (หากมี)
- ใบเสนอราคา (Quotation), ใบสั่งซื้อ (PO), ใบยืนยันคำสั่งซื้อ
- เงื่อนไขด้านหลังอินวอยซ์ หรือเอกสาร standard terms ของคู่ค้า
- เอกสารการส่งมอบสินค้า
- ใบกำกับสินค้า (Invoice)
- ใบตราส่งสินค้าทางเรือ (B/L), ใบตราส่งทางอากาศ (AWB)
- Packing list, Certificate of Origin, ใบรับรองคุณภาพ (ถ้ามี)
- หลักฐานการจองเรือ/จองตู้คอนเทนเนอร์
- เอกสารการชำระเงิน
- สลิปโอนเงิน SWIFT, หลักฐานการรับเงินจากธนาคาร
- สำเนา L/C หรือเอกสารที่ธนาคารปฏิเสธ
- Statement บัญชีที่แสดงการรับ-จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า
- หลักฐานการสื่อสาร
- อีเมลพูดคุยการเจรจา การร้องเรียน การผิดนัด หรือการยอมรับผิด
- แชต LINE, WeChat, WhatsApp หรือแพลตฟอร์มอื่น (ควรจับภาพหน้าจอและ Export เป็นไฟล์)
- จดหมายทวงถาม หรือหนังสือแจ้งข้อมูลอย่างเป็นทางการ (ถ้ามี)
- หลักฐานความเสียหาย
- ค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่น ค่าคลังสินค้า ค่าปรับจากลูกค้าปลายทาง
- ใบเสนอราคาซื้อหรือขายสินค้าทดแทน
- รายงานการตรวจสอบสินค้าที่เสียหาย
เมื่อเตรียมหลักฐานครบแล้ว คุณสามารถส่งให้ทนายพิจารณาเบื้องต้นได้ เพื่อให้ได้ภาพรวมของโอกาสในคดีและแนวทางการเจรจา โดยมักใช้เวลาและค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเริ่มดำเนินคดีทันที.
คำถามติดตามที่พบบ่อย
- จำเป็นต้องแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาของคู่ค้าก่อนส่งให้ทนายหรือไม่?
- หลักฐานแชตหรือข้อความในโซเชียลมีเดียสามารถใช้ในคดีต่างประเทศได้หรือไม่?
3. จะเลือกใช้อนุญาโตตุลาการ ศาลไทย หรือศาลต่างประเทศอย่างไร?
การเลือกใช้ช่องทางระงับข้อพิพาทควรเริ่มจากการเช็กข้อกำหนดในสัญญา หากมีระบุชัดว่าต้องใช้อนุญาโตตุลาการหรือศาลประเทศใด โดยหลักแล้วควรเคารพตามนั้น. หากสัญญาไม่ได้ระบุ ช่องทางที่เหมาะสมต้องดูจากจำนวนหนี้ สถานที่ตั้งทรัพย์สินของคู่ค้า ค่าใช้จ่าย เวลา และโอกาสบังคับคดีในประเทศปลายทาง.
สำหรับธุรกิจไทย การใช้อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (เช่น ที่สิงคโปร์ ฮ่องกง หรือศูนย์อนุญาโตตุลาการในไทย) มักเป็นตัวเลือกที่สมดุลระหว่างความเป็นกลางและความสะดวกในการบังคับคดี แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเจรจาหรือไกล่เกลี่ย.
เปรียบเทียบช่องทางหลัก
| ช่องทาง | ข้อดี | ข้อควรระวัง |
|---|---|---|
| ศาลไทย |
|
|
| ศาลต่างประเทศ |
|
|
| อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ |
|
|
ในไทยเองมีสถาบันด้านอนุญาโตตุลาการที่ผู้ประกอบการสามารถใช้บริการได้ เช่น สถาบันอนุญาโตตุลาการภายใต้หอการค้าไทย หรือศูนย์อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ. การเลือกใช้ศูนย์ใดและรูปแบบใดควรหารือกับทนายความที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยเฉพาะ.
คำถามติดตามที่พบบ่อย
- ถ้าสัญญากำหนดอนุญาโตตุลาการที่ต่างประเทศ เราจะเปลี่ยนมาใช้ศาลไทยได้หรือไม่?
- ค่าธรรมเนียมอนุญาโตตุลาการโดยประมาณอยู่ที่ระดับใดเมื่อเทียบกับมูลค่าข้อพิพาท?
4. ชนะคดีแล้วจะบังคับคดีในต่างประเทศและติดตามทรัพย์สินได้อย่างไร?
การชนะคดีหรือได้รับคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการไม่ใช่จุดจบของข้อพิพาท หากคู่ค้าต่างชาติยังไม่ยอมจ่ายเงิน คุณจำเป็นต้องดำเนินการบังคับคดีในประเทศที่เขามีทรัพย์สิน. ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยทนายความในประเทศปลายทางและอาจใช้เวลาและค่าใช้จ่ายพอสมควร.
การวางแผนเรื่องการบังคับคดีควรเริ่มตั้งแต่ก่อนฟ้องหรือก่อนเริ่มอนุญาโตตุลาการ โดยประเมินว่า "หากชนะแล้ว จะไปบังคับที่ไหน และมีทรัพย์สินอะไรให้ยึดได้บ้าง".
หลักการทั่วไปในการบังคับคดีข้ามประเทศ
- สำรวจทรัพย์สินของคู่หนี้
- บัญชีธนาคารในประเทศคู่ค้า หรือประเทศที่สาม
- โกดังสินค้า สำนักงาน หรือทรัพย์สินถาวร
- ลูกหนี้การค้าอื่นที่ติดค้างชำระให้บริษัทคู่ค้า
- พิจารณากฎหมายของประเทศที่ต้องการบังคับคดี
- บางประเทศรับรองและบังคับคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศได้ง่ายกว่าคำพิพากษาศาลต่างประเทศ
- ในบางระบบกฎหมายอาจต้อง "ฟ้องใหม่" โดยใช้คำพิพากษาหรือคำชี้ขาดเดิมเป็นหลักฐาน
- ร่วมงานกับทีมทนายข้ามประเทศ
- ทนายไทยช่วยอธิบายข้อเท็จจริง เอกสาร และประสานกับฝั่งต่างประเทศ
- ทนายในประเทศปลายทางเป็นผู้ยื่นคำร้องและดำเนินกระบวนการตามกฎหมายของเขา
ในทางปฏิบัติ การบังคับคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศมักมีความเป็นไปได้สูงกว่า เพราะมีกรอบอนุสัญญาระหว่างประเทศรองรับ. อย่างไรก็ดี รายละเอียดในแต่ละประเทศแตกต่างกัน ธุรกิจไทยจึงควรขอคำแนะนำเฉพาะกรณี และอาจศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจากหน่วยงานของไทย เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือข้อมูลกระบวนการศาลจาก สำนักงานศาลยุติธรรม.
คำถามติดตามที่พบบ่อย
- หากคู่ค้าต่างชาติไม่มีทรัพย์สินเหลืออยู่เลย ยังมีเหตุผลให้ดำเนินคดีต่อหรือไม่?
- ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะบังคับคดีในต่างประเทศสำเร็จในทางปฏิบัติ?
5. ทำไมธุรกิจไทยควรปรึกษาทนายความการค้าระหว่างประเทศตั้งแต่ต้น?
การปรึกษาทนายความตั้งแต่เริ่มเกิดปัญหา ช่วยให้คุณไม่ "เดินผิดทาง" เช่น ส่งหนังสือทวงถามผิดวิธี ทำให้เสียสิทธิ์ตามสัญญา หรือเลือกฟ้องในศาลที่บังคับคดีได้ยาก. ทนายที่เชี่ยวชาญจะช่วยประเมินความเสี่ยง วางแผนเจรจา และออกแบบกลยุทธ์การดำเนินคดีให้เหมาะกับงบประมาณและเป้าหมายธุรกิจ.
สำหรับธุรกิจที่ส่งออกหรือทำการค้าระหว่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ การมี "ที่ปรึกษากฎหมายประจำ" ช่วยตรวจสัญญาและเงื่อนไขตั้งแต่ก่อนตกลง ทำให้ลดโอกาสเกิดข้อพิพาทในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ.
ประโยชน์ของการมีทนายความการค้าระหว่างประเทศตั้งแต่ต้น
- ปกป้องสิทธิและลดความเสี่ยงด้านอายุความ
ในบางกฎหมาย การเรียกร้องค่าเสียหายจากการขายสินค้ามีอายุความสั้น อาจเพียง 1-2 ปี หากรอนานเกินไปอาจหมดสิทธิ์ฟ้องทั้งที่มีหลักฐานครบถ้วน.
- ช่วยวางกลยุทธ์เจรจาก่อนขึ้นศาล
การส่งหนังสือทวงถาม การเสนอผ่อนชำระ หรือการตั้งเงื่อนไขยุติข้อพิพาท ควรออกแบบให้เหมาะสมกับเป้าหมาย เช่น เน้นได้เงินคืนเร็วที่สุด หรือเน้นรักษาความสัมพันธ์ทางการค้า.
- เลือกเวทีและกฎหมายที่เป็นประโยชน์
หากสัญญายังไม่ลงนามหรือยังแก้ไขได้ ทนายอาจแนะนำให้เลือกกฎหมายและศาล/อนุญาโตตุลาการที่เหมาะสมต่อการบังคับคดีในอนาคต.
- ลดภาระฝ่ายบริหารและทีมขาย
ให้ผู้บริหารและทีมขายโฟกัสที่การดำเนินธุรกิจ ขณะที่ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายดูแลข้อพิพาทและการติดต่อกับทนายต่างประเทศ.
คำถามติดตามที่พบบ่อย
- ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการปรึกษาทนายความการค้าระหว่างประเทศโดยทั่วไปอยู่ในระดับใด?
- ธุรกิจ SME ขนาดเล็กควรเริ่มจากการขอคำปรึกษาแบบครั้งเดียว หรือทำ retainer รายเดือน?
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศของธุรกิจไทย
- เข้าใจผิดว่า "ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ฟ้องไม่ได้"
ในความเป็นจริง การโต้ตอบทางอีเมล PO อินวอยซ์ และการส่งมอบสินค้าสามารถพิสูจน์การมีอยู่ของสัญญาได้ในหลายระบบกฎหมาย.
- คิดว่าชนะคดีในไทยแล้วจะยึดทรัพย์ในต่างประเทศได้ทันที
การบังคับคำพิพากษาในต่างประเทศมีกฎเกณฑ์ของแต่ละประเทศ ไม่ใช่ทุกประเทศจะรับรองคำพิพากษาศาลไทยโดยอัตโนมัติ.
- มองว่าการใช้อนุญาโตตุลาการแพงเกินไปเสมอ
แม้อนุญาโตตุลาการจะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่า แต่ในบางกรณีอาจคุ้มค่าเพราะเร็วกว่าศาล และคำชี้ขาดบังคับได้ในหลายประเทศ ลดความเสี่ยงต้องฟ้องซ้ำหลายที่.
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
หากคู่ค้าต่างชาติไม่ตอบอีเมลหรือปิดบริษัทหนี ควรเริ่มจากอะไร?
เริ่มจากรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบสถานะนิติบุคคลของคู่ค้าในประเทศของเขา และปรึกษาทนายเพื่อประเมินว่ามีทรัพย์สินเหลือให้บังคับคดีหรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุนลงแรงในกระบวนการกฎหมาย.
จำเป็นต้องบินไปต่างประเทศทุกครั้งหากมีคดีต่างประเทศหรืออนุญาโตตุลาการหรือไม่?
ไม่จำเป็นเสมอไป ปัจจุบันหลายศาลและสถาบันอนุญาโตตุลาการรองรับการพิจารณาทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ผู้บริหารอาจต้องไปเฉพาะในจุดสำคัญบางครั้งเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ทนายจะเป็นผู้ดำเนินการแทน.
ควรเริ่มจากการเจรจาไกล่เกลี่ยก่อนหรือยื่นฟ้อง/อนุญาโตตุลาการก่อน?
มักควรเริ่มจากการเจรจาและไกล่เกลี่ยก่อน โดยส่งหนังสือทวงถามอย่างเป็นทางการและกำหนดเส้นตายที่ชัดเจน ขณะเดียวกันต้องระวังไม่ให้ล่าช้าจนอายุความขาด จึงควรขอคำแนะนำด้านกฎหมายควบคู่กันไป.
ธุรกิจไทยสามารถใช้กฎหมายไทยเป็น governing law ในการค้ากับต่างชาติได้หรือไม่?
โดยหลักแล้วคู่สัญญาสามารถตกลงเลือกใช้กฎหมายไทยได้ หากคู่ค้าเห็นด้วย ข้อกำหนดนี้ควรถูกใส่ไว้ชัดเจนในสัญญา และควรกำหนดศาลหรืออนุญาโตตุลาการที่เหมาะสมควบคู่กันไป.
กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่เริ่มทวงถามจนถึงบังคับคดีใช้เวลานานแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและประเทศที่เกี่ยวข้อง บางกรณีเจรจายุติได้ภายในไม่กี่เดือน แต่หากต้องผ่านศาลหรืออนุญาโตตุลาการและบังคับคดีในต่างประเทศอาจใช้เวลา 1-3 ปีหรือมากกว่านั้น.
เมื่อไหร่ควรจ้างทนายความ และขั้นตอนต่อไป
เมื่อไหร่ควรจ้างทนายความการค้าระหว่างประเทศ?
ควรปรึกษาทนายทันทีที่คู่ค้าต่างชาติเริ่มมีสัญญาณผิดปกติ เช่น ชำระเงินล่าช้า ขอเลื่อนการรับของหลายครั้ง หรือเริ่มโต้แย้งคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะเมื่อมูลค่าข้อพิพาทเริ่มสูงจนกระทบสภาพคล่องธุรกิจ. หากคู่ค้าเริ่มปฏิเสธความรับผิดหรือหยุดตอบติดต่อ นั่นคือสัญญาณชัดเจนว่าควรให้ทนายเข้ามาจัดการแทน.
นอกจากนี้ หากคุณกำลังเจรจาสัญญาฉบับใหม่ที่มีมูลค่าสูง หรือจะขยายตลาดไปประเทศใหม่ การให้ทนายช่วยตรวจเงื่อนไขสัญญาก่อนลงนามจะช่วยลดโอกาสเกิดข้อพิพาทในอนาคตได้มาก.
ขั้นตอนต่อไปสำหรับธุรกิจไทยที่มีข้อพิพาทกับคู่ค้าต่างชาติ
- รวบรวมข้อมูลเบื้องต้น
จดบันทึกข้อเท็จจริงวันต่อวันว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เก็บสัญญา เอกสารการส่งมอบ การชำระเงิน และการสื่อสารให้ครบ.
- ตรวจสัญญาและประเมินความเสี่ยงภายใน
ให้ทีมภายในอ่าน governing law ข้อกำหนดศาล/อนุญาโตตุลาการ และคำนวณความเสียหายโดยประมาณ.
- นัดหมายปรึกษาทนายความการค้าระหว่างประเทศ
เตรียมส่งเอกสารทั้งหมดให้ทนายตรวจล่วงหน้า เพื่อใช้เวลาในการปรึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
- กำหนดกลยุทธ์ร่วมกัน
ตัดสินใจร่วมกับทนายว่าจะเริ่มจากการเจรจา การส่งหนังสือทวงถาม การไกล่เกลี่ย หรือเตรียมยื่นฟ้อง/อนุญาโตตุลาการ.
- ติดตามและประเมินผลเป็นระยะ
ประเมินค่าใช้จ่ายและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับเป็นระยะ ปรับกลยุทธ์หากพบข้อจำกัดเรื่องเวลา งบประมาณ หรือการบังคับคดีในต่างประเทศ.
หากคุณกำลังเผชิญข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศ การได้รับคำแนะนำจากทนายความที่มีประสบการณ์ในข้อพิพาทข้ามแดนและการระงับข้อพิพาททางเลือก (ADR) จะช่วยให้คุณตัดสินใจบนข้อมูลที่ครบถ้วน ลดความเสี่ยง และปกป้องผลประโยชน์ของธุรกิจไทยในระยะยาว.