- กรรมการบริษัทในไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายทั้งด้าน "ความระมัดระวังอย่างผู้ประกอบธุรกิจที่รอบคอบ" และ "ความซื่อสัตย์สุจริตต่อผลประโยชน์ของบริษัท" หากละเลยอาจต้องรับผิดทางแพ่งและอาญาส่วนตัว
- ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) เช่น ทำธุรกิจแข่งกับบริษัท หรือทำรายการกับกิจการของตนเอง โดยไม่ได้รับอนุมัติอย่างถูกต้อง เป็นจุดเสี่ยงสำคัญที่ศาลและหน่วยงานกำกับเพ่งเล็ง
- คำพิพากษาศาลฎีกาหลายคดีชี้ชัดว่า กรรมการไม่สามารถอ้าง "ไม่รู้เรื่อง" หากตามวิสัยของกรรมการที่รอบคอบ "ควรต้องรู้และต้องจัดการป้องกัน" อีกทั้งการเป็นเพียง "กรรมการชื่อ" ก็อาจไม่ช่วยลดความเสี่ยง
- บริษัทควรมีกฎบัตรคณะกรรมการ นโยบายเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ระบบกำกับดูแล และพิจารณาทำประกันความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่ (D&O insurance) เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยง
- การป้องกันที่ดีที่สุดคือ โครงสร้างธรรมาภิบาลที่ดี การบันทึกการตัดสินใจอย่างโปร่งใส และการปรึกษาทนายความ/ที่ปรึกษากำกับดูแลกิจการอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูงหรือเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสีย
ความรับผิดของกรรมการบริษัทในไทยคืออะไร และทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ?
โดยสรุป กรรมการบริษัทในไทยอาจต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง (ชดใช้ค่าเสียหาย) และอาญา (ปรับ/จำคุก) หากไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและความซื่อสัตย์ตามที่กฎหมายกำหนด หรือใช้ตำแหน่งไปในทางเอื้อประโยชน์ให้ตนเองหรือผู้อื่นจนทำให้บริษัทหรือผู้มีส่วนได้เสียเสียหาย. กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.), พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด, พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม และมูลนิธิ.
บทความนี้เน้นกลุ่มผู้อ่านฝั่งธุรกิจ (B2B) เช่น กรรมการ ผู้บริหาร เจ้าของกิจการ เลขานุการบริษัท และที่ปรึกษา โดยตอบโจทย์ทั้ง "เข้าใจ" (Know) ภาพรวมความรับผิด และ "ลงมือทำ" (Do) เพื่อวางระบบป้องกันความเสี่ยง เช่น นโยบายบอร์ดและประกัน D&O ในบริบทกฎหมายไทยปัจจุบัน
1. หน้าที่และความรับผิดชอบตามกฎหมายของกรรมการบริษัทไทยคืออะไร?
กรรมการบริษัทไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องบริหารกิจการด้วยความระมัดระวังของ "ผู้ประกอบธุรกิจที่รอบคอบ" และด้วยความซื่อสัตย์ต่อผลประโยชน์ของบริษัท หากฝ่าฝืนอาจต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อบริษัท ผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้ หรือแม้กระทั่งถูกดำเนินคดีอาญาในบางกรณี. สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มาตรฐานยิ่งเข้มข้นขึ้นภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์และกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ.(library.siam-legal.com)
1.1 กรอบกฎหมายหลักที่กรรมการควรรู้
- บริษัทจำกัด (private limited) - อยู่ภายใต้ ป.พ.พ. มาตรา 1150-1170 โดยเฉพาะ ม.1168 กำหนดว่ากรรมการต้องใช้ "ความระมัดระวังของผู้ประกอบการที่รอบคอบ" และกำหนดความรับผิดร่วมกันในเรื่องสำคัญ เช่น การชำระค่าหุ้น การเก็บรักษาบัญชีและเอกสาร การจ่ายเงินปันผล และการปฏิบัติตามมติผู้ถือหุ้น(library.siam-legal.com)
- บริษัทมหาชนจำกัด (public limited) - อยู่ภายใต้ พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งกำหนดมาตรฐานที่ละเอียดและเข้มงวดขึ้น เช่น โครงสร้างบอร์ด การเปิดเผยข้อมูล และข้อห้ามเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของกรรมการ(thailand.themispartner.com)
- บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ - นอกจาก พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด ยังต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ มาตรา 89/7-89/10 ซึ่งกำหนดให้กรรมการและผู้บริหารต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วย "ความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์" และต้องไม่กระทำการที่ขัดแย้งอย่างมีนัยสำคัญกับประโยชน์ของบริษัท(sec.or.th)
- กฎหมายอาญาและกฎหมายเฉพาะ - เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนบริษัทฯ ซึ่งกำหนดโทษทางอาญาสำหรับการละเลยหน้าที่บางประการของกรรมการ (เช่น ไม่จัดทำงบการเงิน ไม่เก็บรักษาบัญชี หรือให้ข้อมูลเท็จ) โดยอาจมีโทษปรับถึงหลักแสนบาทและจำคุกได้ถึง 7 ปี แล้วแต่กรณี(chambers.com)
1.2 ประเภทความรับผิดหลักของกรรมการ
- ความรับผิดต่อบริษัท (ทางแพ่ง)
- หากกรรมการทำให้บริษัทเสียหาย เช่น ลงทุนโดยไม่รอบคอบ ไม่ตรวจสอบข้อมูล ทั้งที่ควรทำ หรือปล่อยปละให้มีการทุจริตในบริษัท อาจต้องชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัท
- ผู้ถือหุ้นสามารถฟ้องแทนบริษัทได้ (derivative action) เมื่อบริษัทไม่ดำเนินการเอง โดยเฉพาะในบริษัทมหาชนและบริษัทจดทะเบียน กฎหมายไทยเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยใช้สิทธินี้ได้เพื่อคุ้มครองบริษัท(sec.or.th)
- ความรับผิดต่อผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้
- ป.พ.พ. ม.1169 กำหนดให้ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิเรียกร้องเอากับกรรมการในกรณีที่ความเสียหายของตนเกิดจากการที่กรรมการทำให้บริษัทเสียหาย และบริษัทไม่ดำเนินการเอง(library.siam-legal.com)
- ความรับผิดทางอาญา
- ตัวอย่างเช่น ไม่จัดทำหรือนำส่งงบการเงินตามกำหนด ทำบัญชีเท็จ ไม่จัดประชุมผู้ถือหุ้นตามที่กฎหมายบังคับ หรือให้ข้อมูลเท็จในที่ประชุมผู้ถือหุ้น กฎหมายเฉพาะกำหนดโทษปรับและจำคุกต่อกรรมการที่ละเลยหน้าที่เหล่านี้(chambers.com)
- หากมีการฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน หรือทุจริตในตลาดทุน กรรมการที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงอาจถูกดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายอื่น ๆ เพิ่มเติม
1.3 ตารางเปรียบเทียบหน้าที่กรรมการตามประเภทธุรกิจ
| ประเภทธุรกิจ | กฎหมายหลัก | มาตรฐานหน้าที่ | เงื่อนไขพิเศษ |
|---|---|---|---|
| บริษัทจำกัด (ไม่จดทะเบียนในตลาด) | ป.พ.พ. ม.1150-1170 | Duty of care แบบ "ผู้ประกอบธุรกิจที่รอบคอบ", ห้ามแข่งขันกับบริษัทโดยไม่ได้รับอนุมัติ, ต้องเก็บบัญชี/จัดประชุมให้ถูกต้อง(library.siam-legal.com) | ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้สามารถฟ้องกรรมการได้ในบางกรณีหากบริษัทไม่ดำเนินการเอง |
| บริษัทมหาชน (ไม่จดทะเบียน) | พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด | มาตรฐานคล้ายบริษัทจำกัดแต่เข้มงวดขึ้น เช่น เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการอนุมัติรายการที่เกี่ยวโยงกัน(thailand.themispartner.com) | ต้องมีโครงสร้างบอร์ดตามเกณฑ์ (จำนวนกรรมการ, คุณสมบัติบางประการ ฯลฯ) |
| บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ | พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด + พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ + กฎเกณฑ์ ก.ล.ต./ตลท. | Duty of care & loyalty ตาม ม.89/7-89/10, มาตรฐาน CG Code, ข้อกำหนดเรื่องกรรมการอิสระ/คณะกรรมการตรวจสอบ(sec.or.th) | ถูกกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด มีความเสี่ยงถูกผู้ถือหุ้นส่วนน้อยและหน่วยงานกำกับฟ้องร้องสูงขึ้น |
คำถามติดตามที่มักเกิดขึ้น
- มาตรฐาน "กรรมการที่รอบคอบ" ในสายตาศาลไทยตีความอย่างไรในทางปฏิบัติ?
- กรณีที่กรรมการไม่ใช่ผู้บริหารเต็มเวลา (non-executive) ระดับความรับผิดต่างจากกรรมการบริหารหรือไม่?
- การมอบหมายงานให้ผู้จัดการหรือนิติบุคคลอื่นช่วยทำ ลดความรับผิดของกรรมการได้มากน้อยแค่ไหน?
2. ประเด็นจริยธรรมและความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของกรรมการคืออะไร?
ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) คือ สถานการณ์ที่ประโยชน์ส่วนตัวของกรรมการหรือคนใกล้ชิดอาจขัดกับประโยชน์ของบริษัท เช่น ทำธุรกิจแข่งกับบริษัท หรือทำรายการกับกิจการของตนเอง. กฎหมายไทยและแนวปฏิบัติธรรมาภิบาลกำหนดให้กรรมการต้องหลีกเลี่ยงหรือบริหาร conflict อย่างโปร่งใส ด้วยการเปิดเผยข้อมูล ขออนุมัติจากบอร์ด/ผู้ถือหุ้น และงดออกเสียงในเรื่องที่ตนมีส่วนได้เสีย.(library.siam-legal.com)
2.1 ตัวอย่างสถานการณ์ Conflict of Interest ที่พบบ่อย
- ธุรกิจแข่งกับบริษัท - ป.พ.พ. ระบุว่ากรรมการจะทำธุรกิจที่มีลักษณะเดียวกันและแข่งขันกับบริษัทไม่ได้ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น มิฉะนั้นอาจต้องชดใช้กำไรหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นให้บริษัท(library.siam-legal.com)
- ทำธุรกรรมกับกิจการของตนเอง/คนใกล้ชิด - เช่น บริษัทเช่าสำนักงานจากบริษัทของกรรมการเอง ซื้อสินค้าจากบริษัทที่ภรรยาหรือบุตรถือหุ้น กฎหมายบริษัทมหาชนและกฎเกณฑ์ตลาดทุนกำหนดให้ต้องเปิดเผยและได้รับอนุมัติจากบอร์ด/ผู้ถือหุ้น ตามเกณฑ์รายการที่เกี่ยวโยงกัน
- ใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ส่วนตน - เช่น ใช้ข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะในการซื้อขายหลักทรัพย์ (insider trading) เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งอาจมีโทษปรับและจำคุก
- รับผลประโยชน์แฝงจากคู่ค้า - เงินใต้โต๊ะ ส่วนแบ่งผลประโยชน์ การใช้บริษัทเป็น "นอมินี" ให้คนอื่นเพื่อเลี่ยงกฎหมายต่างด้าว หรือเพื่ออำพรางการทุจริต ถือเป็นความเสี่ยงสูงทั้งทางอาญาและต่อชื่อเสียงของกรรมการและบริษัท(chainat.moc.go.th)
2.2 มาตรฐาน "ความซื่อสัตย์" ตามกฎหมายไทย
- พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ มาตรา 89/10 กำหนดให้กรรมการและผู้บริหารต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ได้แก่
- ต้องกระทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท
- ต้องมีวัตถุประสงค์ที่เหมาะสมในการตัดสินใจ
- ต้องไม่กระทำการที่มีความขัดแย้งอย่างมีนัยสำคัญกับประโยชน์ของบริษัท(sec.or.th)
- แนวปฏิบัติ CG Code ของไทย (Thai Corporate Governance Code) สนับสนุนให้บอร์ดมีนโยบายจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างชัดเจน ระบบเปิดเผยข้อมูล และการกำกับดูแลโดยกรรมการอิสระ(sec.or.th)
2.3 แนวปฏิบัติด้านจริยธรรมที่บอร์ดควรมี
- มีกฎหมายจริยธรรม (Code of Conduct) และนโยบาย Conflict of Interest เป็นลายลักษณ์อักษรครอบคลุมกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน
- กำหนดให้กรรมการเปิดเผยรายการผลประโยชน์ทับซ้อนทุกปี และเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ
- กำหนดให้กรรมการที่มีส่วนได้เสียงดออกเสียงในเรื่องที่เกี่ยวข้อง และให้กรรมการอิสระ/คณะกรรมการตรวจสอบมีบทบาทสำคัญในการกลั่นกรอง
- ใช้ที่ปรึกษาภายนอกประเมินความเป็นธรรมของรายการขนาดใหญ่หรือซับซ้อน
- จัดให้มีช่องทางร้องเรียน/ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblowing) และให้ความคุ้มครองผู้ร้องเรียน
คำถามติดตามที่มักเกิดขึ้น
- ธุรกรรมมูลค่าเล็กน้อยกับกรรมการหรือผู้บริหาร ต้องขออนุมัติอย่างเป็นทางการทุกครั้งหรือไม่?
- การเป็น "กรรมการนอมินี" ตามคำขอของนักลงทุนต่างชาติ มีความเสี่ยงอะไรบ้างต่อบุคคลที่รับเป็นกรรมการ?
- จะออกแบบระบบรายงาน Conflict of Interest ที่ใช้งานได้จริงในองค์กรไทยได้อย่างไร?
3. กรณีศึกษาคดีความเด่นและบทเรียนสำหรับกรรมการ
คดีของศาลไทยสะท้อนให้เห็นว่า กรรมการจะต้อง "ลงมือ" ป้องกันความเสียหาย ไม่ใช่เพียงนั่งประชุมรับทราบเท่านั้น และในขณะเดียวกัน ศาลก็ยืนยันหลักการว่า การเอาผิดทางอาญากับกรรมการต้องมีการพิสูจน์การมีส่วนร่วม ความรู้ หรือเจตนาอย่างเพียงพอ ไม่ใช่ดูแค่ตำแหน่ง. บทเรียนจากคดีเหล่านี้ช่วยให้บอร์ดออกแบบระบบกำกับดูแลและประกันตนเองได้ดีขึ้น.
3.1 คดีมาตรฐานความระมัดระวังของกรรมการตาม ม.1168 ป.พ.พ.
มีคดีศาลฎีกาที่กรรมการสถาบันการเงินถูกฟ้องเนื่องจากปล่อยให้เกิดการกระทำที่กระทบต่อฐานะการเงินของสถาบัน ทั้งที่มีหนังสือเตือนหลายครั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย. ศาลตีความว่า หน้าที่ของกรรมการไม่ได้จำกัดแค่สี่เรื่องที่ระบุไว้ใน ม.1168 แต่รวมถึงการต้องมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจ และต้องใช้สามัญสำนึกของผู้ประกอบธุรกิจที่รอบคอบ ตรวจสอบและป้องกันความเสียหาย เมื่อมีสัญญาณเตือนปรากฏชัด.(hg.org)
- บทเรียนสำคัญ
- กรรมการไม่อาจอ้างว่า "ไม่ใช่สายงานของตน" หากเรื่องนั้นเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อบริษัท
- เมื่อมีคำเตือนจากหน่วยงานกำกับหรือผู้สอบบัญชี บอร์ดต้องสอบถาม ขอข้อมูลเพิ่ม และติดตามผลอย่างจริงจัง
- การบันทึกกระบวนการพิจารณาและเหตุผลในรายงานการประชุมบอร์ดเป็นหลักฐานสำคัญว่าได้ใช้ความระมัดระวังแล้ว
3.2 คดีการพ้นจากความรับผิดเมื่อทำตามมติผู้ถือหุ้น/ข้อบังคับบริษัท
แนวคำพิพากษาศาลฎีกาบางคดี ซึ่งถูกนำมาวิเคราะห์ในบทความวิชาการหลายแห่ง ระบุว่า หากกรรมการปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัทหรือมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นโดยสุจริต และมติดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎหมาย กรรมการอาจไม่ต้องรับผิดต่อบริษัท แม้ผลการดำเนินการจะไม่เป็นไปตามคาด.(library.siam-legal.com)
- บทเรียนสำคัญ
- มติผู้ถือหุ้นที่ถูกต้องช่วย "คุ้มกัน" กรรมการได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงและมีข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจ
- อย่างไรก็ดี มติผู้ถือหุ้นไม่อาจลบล้างข้อห้ามตามกฎหมาย เช่น การยกเว้นความรับผิดในกรณีที่กรรมการจงใจทุจริตหรือกระทำผิดกฎหมายอาญา(sec.or.th)
- ผู้ถือหุ้นที่ไม่เห็นด้วยยังสามารถฟ้องได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด (เช่น ภายใน 6 เดือนในบางกรณีตาม ม.1170) ดังนั้นกรรมการยังคงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ก่อนเสนอเรื่องต่อที่ประชุม(library.siam-legal.com)
3.3 คดีอาญาที่ศาลฎีกาย้ำว่าต้องพิสูจน์ "การมีส่วนร่วมจริง" ของกรรมการ
ตัวอย่างคดีศาลฎีกาที่เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายสรรพสามิต ซึ่งมีการฟ้องบริษัทและผู้จัดการสาขาในฐานะตัวแทนระดับผู้บริหาร โดยอ้างว่ามีความรับผิดร่วมตามตำแหน่ง. ศาลฎีกาพิเคราะห์ว่าการจะถือว่าเป็นผู้กระทำร่วม (co-principal) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ต้องพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นมีส่วนร่วมโดยตรงหรือมีเจตนาให้เกิดการกระทำผิด ไม่ใช่มีเพียงตำแหน่งบริหารเท่านั้น จึงพิพากษายกฟ้องผู้จัดการสาขาในคดีนี้.(fosrlaw.com)
- บทเรียนสำคัญ
- คดีอาญาต้องอาศัยหลักการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่ตำแหน่งในโครงสร้างองค์กรเพียงอย่างเดียว
- อย่างไรก็ดี กรรมการไม่ควรเข้าใจผิดว่า "ไม่ลงมือทำเอง" แล้วจะปลอดภัยเสมอ หากมีหลักฐานว่ารู้เห็น ยินยอม หรือหลับตาข้างหนึ่งต่อการกระทำผิด ก็ยังอาจถูกเอาผิดได้
- การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ยอมรับการทุจริต และระบบรายงานความเสี่ยงที่โปร่งใส ช่วยทั้งลดโอกาสเกิดความผิดและเพิ่มหลักฐานว่าบอร์ดได้พยายามป้องกันแล้ว
คำถามติดตามที่มักเกิดขึ้น
- หากกรรมการไม่ลงนามในเอกสารใด ๆ แต่เข้าร่วมประชุมและ "ปล่อยผ่าน" เรื่องที่เสี่ยง จะถูกมองอย่างไรโดยศาล?
- เมื่อใดที่กรรมการควร "บันทึกความเห็นต่าง" (dissent) ในรายงานการประชุมเพื่อปกป้องตนเอง?
- มีคดีตัวอย่างใดบ้างที่ศาลถือว่ากรรมการรับผิดเพราะละเลยการกำกับดูแลระบบควบคุมภายใน?
4. นโยบายคณะกรรมการและการประกันความรับผิดของกรรมการ (D&O insurance) ควรออกแบบอย่างไร?
การมีคณะกรรมการที่มีเจตนาดีอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมี "โครงสร้างและนโยบาย" ที่ชัดเจนรองรับการตัดสินใจ และในโลกธุรกิจปัจจุบัน บริษัทจำนวนมาก (โดยเฉพาะบริษัทมหาชนและบริษัทขนาดกลาง-ใหญ่) นิยมทำประกันความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่ (Directors & Officers Liability Insurance: D&O) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีและค่าเสียหายทางแพ่งที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตแต่พลาดได้.
4.1 นโยบายคณะกรรมการที่ควรมีขั้นต่ำ
- กฎบัตรคณะกรรมการ (Board Charter) - ระบุบทบาทหน้าที่ อำนาจหน้าที่ ความสัมพันธ์กับคณะอนุกรรมการ (audit, risk, nomination & remuneration) และความคาดหวังด้านเวลา/การเตรียมตัวของกรรมการ
- นโยบายการมอบอำนาจ (Delegation of Authority: DOA) - กำหนดเพดานอำนาจอนุมัติของกรรมการ ผู้บริหาร และหน่วยงานต่าง ๆ อย่างชัดเจน ลดความเสี่ยงการตัดสินใจโดยคนที่ไม่มีอำนาจ
- นโยบายความขัดแย้งทางผลประโยชน์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน - ครอบคลุมวิธีการแจ้ง เปิดเผย อนุมัติ และติดตามผล รวมถึงบทลงโทษภายในเมื่อไม่ปฏิบัติตาม
- นโยบายบริหารความเสี่ยงและกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมาย (compliance) - ระบุกรอบการรายงานความเสี่ยงหลัก การติดตามกฎหมายใหม่ และบทบาทของกรรมการในการกำกับดูแล
- นโยบายการบันทึกรายงานการประชุมบอร์ด - ต้องสะท้อนเนื้อหาการพิจารณา ข้อมูลที่ใช้ตัดสินใจ และความเห็นต่าง (ถ้ามี) เพื่อเป็นหลักฐานว่ากรรมการใช้ความระมัดระวังตามมาตรฐานที่กฎหมายต้องการ
4.2 D&O Insurance ในบริบทกฎหมายไทย
- ความคุ้มครองหลัก
- ค่าทนายความและค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีที่ยื่นฟ้องกรรมการ/ผู้บริหารในฐานะบุคคล จากการปฏิบัติหน้าที่ในบริษัท
- ค่าเสียหายทางแพ่งที่บริษัทหรือผู้ถือหุ้น/บุคคลภายนอกเรียกร้อง (ในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้ทำประกันได้)
- ค่าใช้จ่ายในการสอบสวนหรือไต่สวนของหน่วยงานกำกับ (เช่น ก.ล.ต.) ในบางแบบประกัน
- ข้อยกเว้นที่พบบ่อย
- การฉ้อโกง ทุจริต หรือเจตนากระทำผิดกฎหมาย
- ค่าปรับทางอาญาบางประเภทที่กฎหมายถือว่าไม่อาจเอาประกันได้
- ข้อพิพาทภายในบางประเภท (เช่น ระหว่างกรรมการด้วยกันเอง) แล้วแต่เงื่อนไขของกรมธรรม์
- ประเด็นที่บอร์ดควรถามเมื่อต่อรองกรมธรรม์
- ความคุ้มครองครอบคลุมกรรมการทุกประเภทหรือไม่ (กรรมการบริหาร กรรมการอิสระ กรรมการที่เป็นตัวแทนนักลงทุน ฯลฯ)
- มีความคุ้มครองให้บริษัทเองในฐานะ "นิติบุคคล" หรือเฉพาะกรรมการ/ผู้บริหาร
- ขอบเขตทางภูมิศาสตร์และกฎหมายที่คุ้มครอง (เช่น การถูกฟ้องในต่างประเทศ)
- เงื่อนไขการแจ้งเคลม ระยะเวลา "ย้อนหลัง" (retroactive date) และระยะเวลาแจ้งภายหลังหมดอายุกรมธรรม์ (run-off/tail coverage)
คำถามติดตามที่มักเกิดขึ้น
- บริษัทขนาดกลางที่ยังไม่เข้าตลาด มีความจำเป็นต้องมี D&O หรือไม่ และควรกำหนดวงเงินเท่าใด?
- D&O สามารถครอบคลุมคดีอาญาหรือค่าปรับจากหน่วยงานรัฐได้มากน้อยเพียงใด?
- หากบริษัทมีโครงสร้างโฮลดิ้งและบริษัทย่อยหลายแห่ง จะจัดโครงสร้าง D&O อย่างไรให้คุ้มครองกรรมการทุกระดับได้อย่างเหมาะสม?
5. แนวทางปฏิบัติที่แนะนำเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายของกรรมการ
การลดความเสี่ยงของกรรมการไม่ใช่แค่การ "รู้กฎหมาย" แต่ต้องแปลงเป็นระบบการทำงานจริงในบอร์ดและองค์กร. แนวทางด้านล่างนี้สามารถใช้เป็น checklist เบื้องต้นสำหรับบอร์ดของบริษัทในไทย ทั้งบริษัทจำกัดและมหาชน.
5.1 Checklist เชิงปฏิบัติสำหรับกรรมการและบอร์ด
- ทำความเข้าใจหน้าที่ตามกฎหมายและเอกสารของบริษัท
- อ่านและเข้าใจข้อบังคับบริษัท สัญญาผู้ถือหุ้น (ถ้ามี) และกฎบัตรคณะกรรมการ
- ศึกษาข้อกำหนดหลักของ ป.พ.พ. พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด และหากเข้าตลาดหรือระดมทุน ให้ศึกษา พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ และแนวปฏิบัติของ ก.ล.ต./ตลาดหลักทรัพย์ฯ จากแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(sec.or.th)
- พัฒนาคุณภาพการประชุมบอร์ด
- กำหนดวาระล่วงหน้า จัดส่งเอกสารให้กรรมการพิจารณาก่อนประชุมในเวลาที่เพียงพอ
- บันทึกรายงานการประชุมให้สะท้อนข้อโต้แย้งหลักๆ ข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ และความเห็นต่าง (ถ้ามี)
- สำหรับเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น การลงทุนขนาดใหญ่ การออกหลักทรัพย์ หรือรายการที่เกี่ยวโยงกัน) ควรมีรายงานความเสี่ยง/ความเห็นจากที่ปรึกษาภายนอกแนบในเอกสารประชุม
- จัดระบบบริหารความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎหมาย
- มีการจัดทำทะเบียนข้อกำหนดทางกฎหมาย (legal & regulatory register) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท พร้อมผู้รับผิดชอบติดตามแต่ละฉบับ
- รายงานประเด็น compliance ที่สำคัญต่อบอร์ดเป็นประจำ เช่น ความคืบหน้าการยื่นงบ การต่ออายุใบอนุญาต และกรณีข้อพิพาทหรือสอบสวนกับหน่วยงานรัฐ
- บริหารความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างโปร่งใส
- ให้กรรมการกรอกแบบเปิดเผยผลประโยชน์ทับซ้อน (declaration of interest) อย่างน้อยปีละครั้งและเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
- ทุกครั้งที่มีรายการที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ/คนใกล้ชิด ให้มีการพิจารณาโดยกรรมการที่ไม่มีส่วนได้เสีย และบันทึกขั้นตอนอย่างชัดเจน
- ระวังการใช้ชื่อบริษัทและชื่อกรรมการอย่างไม่เหมาะสม
- กระทรวงพาณิชย์/กรมพัฒนาธุรกิจการค้าออกมาเตือนความเสี่ยงจากพฤติกรรม "ซื้อ-ขายหัวบริษัท" หรือการใช้บริษัทเป็น "บัญชีม้า/นิติบุคคลผี" หลอกประชาชน ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งต่อผู้ซื้อและผู้ขาย(chainat.moc.go.th)
- กรรมการควรติดตามสถานะนิติบุคคลของตนเองอย่างสม่ำเสมอผ่านระบบข้อมูลของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และไม่ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ชื่อหรือเอกสารส่วนตัวไปจดทะเบียนเป็นกรรมการโดยไม่ทราบรายละเอียดธุรกิจ
- พิจารณาใช้ D&O และที่ปรึกษาภายนอกอย่างเป็นระบบ
- ประเมินความเสี่ยงของธุรกิจ (เช่น จำนวนผู้ถือหุ้น แผนการระดมทุน ขนาดธุรกรรม) เพื่อกำหนดความจำเป็นและวงเงินคุ้มครองของ D&O
- กำหนดสถานการณ์ที่ "ต้อง" ปรึกษาทนายหรือผู้เชี่ยวชาญภายนอก เช่น ธุรกรรมกับผู้มีส่วนได้เสีย การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นขนาดใหญ่ หรือการถูกสอบสวนโดยหน่วยงานรัฐ
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับความรับผิดของกรรมการ
- "มีบริษัทจำกัดแล้ว ผู้ถือหุ้น/กรรมการไม่ต้องรับผิดส่วนตัวเลย"
ความเป็นบริษัทจำกัดช่วยจำกัดความรับผิดของ "ผู้ถือหุ้น" ต่อหนี้สินบริษัทโดยทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่ากรรมการจะไม่มีความรับผิดส่วนตัว หากกรรมการทำผิดหน้าที่ ใช้ตำแหน่งไปในทางเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง หรือฝ่าฝืนกฎหมายอาญา ก็ยังถูกฟ้องเป็นการส่วนตัวได้ - "ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติแล้ว กรรมการพ้นความรับผิดทั้งหมด"
มติผู้ถือหุ้นช่วยคุ้มครองกรรมการในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถลบล้างความรับผิดในกรณีละเมิดกฎหมาย เช่น การทุจริต หรือการฝ่าฝืนกฎหมายบังคับ (mandatory law) และผู้ถือหุ้นที่ไม่อนุมัติยังมีสิทธิฟ้องในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด(library.siam-legal.com) - "มี D&O แล้ว ทำอะไรก็ได้เพราะประกันจ่าย"
D&O มักไม่คุ้มครองการทุจริต การฉ้อโกง หรือการละเมิดกฎหมายอาญาโดยเจตนา และยังมีข้อยกเว้นหลายประการ กรรมการจึงไม่ควรถือว่า D&O เป็น "ใบอนุญาตให้เสี่ยง" แต่ควรมองว่าเป็นเครื่องมือเสริมจากการบริหารความเสี่ยงและธรรมาภิบาลที่ดี
คำถามติดตามที่มักเกิดขึ้น
- บริษัทขนาดเล็กที่มีกรรมการคนเดียว จะวางระบบกระจายอำนาจและตรวจสอบตนเองอย่างไร?
- หากบริษัทเริ่มมีนักลงทุนจีน/ต่างชาติเข้ามาร่วมทุนมากขึ้น บอร์ดควรปรับระบบความเสี่ยงและธรรมาภิบาลอย่างไร?
- ในยุคดิจิทัลที่ใช้ระบบ e-Registration ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรรมการควรตรวจสอบอะไรเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการปลอมแปลง?
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความรับผิดของกรรมการในไทย
กรรมการต่างชาติในบริษัทไทยต้องรับผิดเหมือนกรรมการไทยหรือไม่?
โดยหลักแล้ว "กรรมการ" ทุกคนที่จดทะเบียนเป็นกรรมการของนิติบุคคลไทย ไม่ว่าจะมีสัญชาติใด ต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทยและมีความรับผิดตามมาตรฐานเดียวกัน ทั้งทางแพ่งและอาญา ข้อแตกต่างอาจอยู่ที่เงื่อนไขด้านใบอนุญาตทำงาน/วีซ่า และข้อจำกัดตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งเป็นประเด็นเพิ่มเติมจากหน้าที่กรรมการทั่วไป.
กรรมการเงียบ ๆ ที่ไม่เซ็นเอกสารอะไร ยังเสี่ยงถูกฟ้องหรือไม่?
เสี่ยงได้ เพราะหน้าที่ของกรรมการไม่ได้จำกัดแค่การลงนามในเอกสาร แต่รวมถึงการเข้าร่วมประชุม ตรวจสอบ ซักถาม และป้องกันความเสียหายตามมาตรฐาน "กรรมการที่รอบคอบ". หากมีหลักฐานว่ากรรมการทราบหรือควรทราบความเสี่ยงแต่ไม่ทำอะไรเลย อาจถูกถือว่าละเลยหน้าที่และต้องรับผิดร่วมกับกรรมการคนอื่นได้.
หากลาออกจากการเป็นกรรมการแล้ว ยังถูกฟ้องภายหลังได้หรือไม่?
สามารถถูกฟ้องย้อนหลังได้สำหรับการกระทำหรือการละเลยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ยังเป็นกรรมการ โดยเฉพาะคดีแพ่งและอาญาที่มีระยะเวลาให้ฟ้องตามอายุความของแต่ละฐานความผิด. อย่างไรก็ดี การลาออกที่แจ้งและจดทะเบียนอย่างถูกต้องช่วยจำกัดความเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาจากเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากวันลาออก.
กรรมการอิสระ/กรรมการภายนอกมีความเสี่ยงน้อยกว่ากรรมการบริหารหรือไม่?
ในทางปฏิบัติ กรรมการอิสระมักไม่มีหน้าที่บริหารงานประจำ จึงมีความเสี่ยงเรื่องการลงมือทำผิดโดยตรงน้อยกว่า แต่ในมุมกฎหมาย กรรมการทุกคนมีความรับผิดร่วมกันในการกำกับดูแลภาพรวมของบริษัท. หากกรรมการอิสระละเลยไม่ตรวจสอบ ไม่ทักท้วง หรือไม่แจ้งความเห็นต่างในเรื่องที่ควรทัก ก็อาจถูกมองว่าละเลยหน้าที่ได้เช่นกัน.
SMEs ควรซื้อประกัน D&O หรือไม่?
ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของกิจการ เช่น มีผู้ถือหุ้นภายนอกจำนวนมาก มีการกู้ยืม/ค้ำประกันจากสถาบันการเงินจำนวนมาก หรือทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่อข้อพิพาทสูง การมี D&O อาจคุ้มค่าในแง่การปกป้องกรรมการจากค่าใช้จ่ายการต่อสู้คดี. หากเป็นกิจการครอบครัวขนาดเล็ก บางแห่งอาจเริ่มจากการเสริมสร้างระบบธรรมาภิบาลและเอกสารให้รัดกุมก่อน แล้วค่อยพิจารณา D&O เมื่อเติบโตหรือรับนักลงทุนเพิ่มเติม.
เมื่อไหร่ควรจ้างทนายความด้านกฎหมายธุรกิจหรือกำกับดูแลกิจการ?
คุณควรพิจารณาปรึกษาหรือจ้างทนายความที่เชี่ยวชาญกฎหมายธุรกิจ/กำกับดูแลกิจการในสถานการณ์ต่อไปนี้:
- เมื่อบริษัทกำลังจะทำธุรกรรมที่ซับซ้อนหรือมี conflict of interest สูง เช่น ซื้อขายสินทรัพย์จากกรรมการหรือผู้ถือหุ้นเดิม การออกหุ้น/ตราสารหนี้ให้บุคคลเฉพาะเจาะจง
- เมื่อมีข้อพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้น หรือระหว่างผู้ถือหุ้นกับกรรมการ (เช่น การกล่าวหาว่ามีการเบียดบังผลประโยชน์)
- เมื่อได้รับหนังสือสอบถาม/แจ้งข้อสงสัยจากหน่วยงานกำกับ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร ก.ล.ต. หรือหน่วยงานกำกับเฉพาะอุตสาหกรรม
- เมื่อบริษัทกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือระดมทุนจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งยกระดับความคาดหวังด้านธรรมาภิบาลและความรับผิดของกรรมการ
- เมื่อจะทบทวนหรือจัดทำกฎบัตรบอร์ด นโยบาย CG และโครงสร้าง D&O ใหม่ทั้งระบบ
แพลตฟอร์มอย่าง Lawzana สามารถช่วยให้คุณค้นหาและเปรียบเทียบทนายความด้านกฎหมายธุรกิจและกำกับดูแลกิจการในไทยที่มีประสบการณ์กับบริษัทในขนาดและอุตสาหกรรมใกล้เคียงกับกิจการของคุณได้อย่างสะดวก.
ขั้นตอนต่อไปสำหรับคณะกรรมการและผู้บริหารในไทย
เพื่อเปลี่ยนความรู้เรื่อง "ความรับผิดของกรรมการ" ให้เป็นการป้องกันที่จับต้องได้ ลองเริ่มจากขั้นตอนต่อไปนี้:
- จัดเวิร์กช็อปภายในบอร์ด สรุปหน้าที่และความเสี่ยงหลักของกรรมการในบริบทบริษัทของคุณเอง (ทั้งกฎหมายไทยและกฎเกณฑ์เฉพาะอุตสาหกรรม)
- ทบทวนข้อบังคับบริษัท กฎบัตรบอร์ด และนโยบายสำคัญ (Conflict of Interest, Delegation of Authority, Risk & Compliance) แล้วอัปเดตให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติปัจจุบัน
- ประเมินความจำเป็นของประกัน D&O และเจรจากับนายหน้าหรือบริษัทประกันโดยมี input จากที่ปรึกษากฎหมาย
- กำหนด "trigger points" ว่าเมื่อใดบอร์ดต้องได้รับรายงานเป็นพิเศษ เช่น การถูกแจ้งข้อกล่าวหาจากหน่วยงานรัฐ การพบความผิดปกติจากผู้สอบบัญชี หรือการรับเรื่องร้องเรียนที่มีน้ำหนัก
- สร้างวัฒนธรรมการประชุมบอร์ดที่กระตือรือร้น โปร่งใส และกล้าตั้งคำถาม โดยทุกคนเข้าใจว่า "การถามให้ชัดวันนี้" ดีกว่า "ต้องอธิบายต่อศาลในวันหน้า"
หากคุณเป็นกรรมการหรือเจ้าของกิจการในไทย การจัดการประเด็นเหล่านี้อย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ ไม่เพียงลดความเสี่ยงทางกฎหมาย แต่ยังช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือของบริษัทต่อธนาคาร นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย.